‘อุบล ไบโอ’ รุกธุรกิจใหม่ ‘เอทานอล’ เชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพยั่งยืน SAF

‘อุบล ไบโอ’ รุกธุรกิจใหม่ ‘เอทานอล’ เชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพยั่งยืน SAF

‘อุบล ไบโอ เอทานอล’ เร่งศึกษาธุรกิจใหม่ พัฒนาเอทานอล สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพยั่งยืน SAF พร้อมเข้าสู่กระบวนการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์

นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลัง กล่าวว่า ต้นปี 2567 มีความท้าทายทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ปัญหาความแปรปรวนของสภาพอากาศที่มีผลต่อปริมาณผลผลิตที่ทำให้ต้นทุนมันสำปะหลังสูง

ทั้งนี้ บริษัทยกระดับกระบวนการดำเนินการงานจากภายในให้เป็นเลิศในทุกกระบวนการ (Operational Excellence) ทำให้ทำผลงานออกมาได้ตามแผน และยังมีความมั่นคงทางวัตถุดิบที่สต๊อกไว้เพียงพอกับความต้องการผลิตตลอดทั้งปี

ธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง เริ่มมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าทยอยกลับมาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น รวมถึงได้อานิสงส์จากราคาจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังที่สูงขี้น ประกอบกับผลผลิตมันสำปะหลังจากฤดูกาล 2567/68 ที่เริ่มเข้ามาเติมในสายการผลิต 

รวมทั้งยังโฟกัสนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพทางด้านอาหารและพลังงาน โดยเฉพาะธุรกิจแป้งมันสำปะหลังที่จะเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นจากการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอาหาร เพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูงตอบโจทย์ทุกความต้องการลูกค้า รับเทรนด์ความต้องการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพของโลก

ธุรกิจเอทานอล ได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เอทานอลเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF)

ด้านสังคม ให้ความสำคัญตั้งแต่ภายในคือการส่งเสริมศักยภาพของพนักงานในทุกด้าน สู่ภายนอกคือการมุ่งสร้างคุณค่าร่วมให้เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มโดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของต้นน้ำผ่านโครงการ “อีสานล่าง 2 โมเดลพลัสนวัตกรรม”

ด้านสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากนโยบายการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน (Zero waste) ที่บริษัทฯ ดำเนินมาอย่างยาวนาน ปีนี้ เราได้เข้าสู่กระบวนการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร Carbon Footprint of Organization (CFO) เพื่อประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานและกิจกรรมต่างๆ ของบริษัทฯ เพื่อต่อยอดสู่การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product: CFP) ในปีหน้า

และนำไปสู่การกำหนดการบริหารจัดการและเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 ต่อไป

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1/2567 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 1,890.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 391.1 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 26.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีกำไรสุทธิที่ 107.6 ล้านบาท

ทั้งนี้สาเหตุหลักจากธุรกิจเอทานอลที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยสามารถสร้างยอดปริมาณการขายเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนธุรกิจแป้งมันสำปะหลังปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขายแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค และอานิสงส์จากราคาขายที่เพิ่มขึ้นของแป้งมันสำปะหลัง