World Gourrmet ที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ

สวรรค์ของนักชิมเริ่มขึ้นแล้วในงาน World Gourmet

เวิลด์ กูร์เมต์...สวรรค์เพื่อนักชิม

เทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลก เวิลด์ กูร์เมต์ เฟสติวัล (World Gourmet Festival) ครั้งที่ 18 รอคอยนักชิมแล้ว ตามติดไปชิมกันได้ที่ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ

ปีนี้มีสุดยอดเชฟติดดาวมิชลินและเชฟชื่อดังจากทั่วโลกจำนวน 11 คน จาก 8 ประเทศ ร่วมแสดงฝีมือและสาธิตการปรุงอาหาร ระหว่างวันที่ 4 – 10 กันยายน 2560 มีอาทิ

เชฟกีโยม กาลิโอ (Guillaume Galliot) จากห้องอาหาร 2 ดาวมิชลิน CAPRICE ในโรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ ฮ่องกง เชฟชาวฝรั่งเศสที่เดินทางมาแล้วทั่วโลก มีประสบการณ์หลากหลาย อาทิ ร่วมงานกับเชฟฝาแฝด Jacques และ Laurent Pourcel ในร้านอาหารมิชลินสตาร์ระดับ 3 ดาว Jardin des Sens และภัตตาคารในนิวยอร์ก สิงคโปร์ และปักกิ่ง อีกทั้งได้สร้างสรรค์อาหารสไตล์โมเดิร์นเฟรนช์ ที่ห้องอาหาร Tasting Room มาเก๊า ซึ่งได้รับมิชลินภายในปีแรก ต่อมาเขาได้มิชลิน 2 ดาว ในปี 2016 และ 2017

เชฟชินอิชิโร่ ทาคากิ (Shinichiro Takagi) จากห้องอาหาร ZENIYA ญี่ปุ่น ร้านอาหารของครอบครัวที่เติบโตจากร้านเล็ก ๆ ในท้องถิ่น สู่ร้านอาหารติดดาวมิชลิน 2 ดวง เชฟทาคากิศึกษาจบปริญญาตรีด้าน Commercial Science ทว่าได้เรียนรู้ศิลปะการทำอาหารแบบไคเซกิ ที่ร้านอาหารเกียวโต คิชโช่ และเป็นเชฟผู้บรรยายเกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมให้กับองค์กรยูเนสโก และงานระดับชาติอื่น ๆ ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตสันถวไมตรีด้านอาหารญี่ปุ่นจากกระทรวงเกษตรป่าไม้ และประมง ของประเทศญี่ปุ่น

เชฟฮิโรอากิ อิชิสุกะ (Hiroaki Ishizuka) จากห้องอาหาร Kien ญี่ปุ่น เชฟอิชิสุกะ เกิดเมื่อปี 1973 ที่จังหวัดนิกาตะ เกาะฮอนชู เริ่มทำงานที่ร้านอาหาร Zakuro เรียนรู้และฝึกปรือฝีมืออยู่ 10 ปี จากนั้นเข้าทำงานที่ร้านอาหารมิชลินสตาร์ 1 ดาว Sakuragawa ต่อด้วยร้านมิชลิน 2 ดาวที่ Waketokuyama และร้าน Kien ซึ่งได้มิชลิน 1 ดวง เมื่อปี 2010 ซึ่งต่อมาก็ได้รับมิชลินติดต่อกัน 7 ปี คำว่า Kien ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง “นกนางแอ่นที่กลับรัง” สื่อถึงความปรารถนาของเชฟที่อยากให้ลูกค้าแวะเวียนกลับมารับประทานอาหารที่นี่อีกครั้ง

เชฟคริสตินา บาวเวอร์แมน (Cristina Bowerman) จากห้องอาหาร Glass Hostaria อิตาลี เชฟหญิงหนึ่งเดียวของงาน เชฟคริสตินา เดิมทีเรียนด้านกฎหมายแต่มีความสนใจในอาหาร และหลงใหลในอาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิม สไตล์การปรุงอาหารของเธอมีหลากหลาย ตั้งแต่สไตล์เท็กซัสจนถึงเปอร์โตริโก้ เมื่อเดินทางไปทั่วโลกแล้วสุดท้ายก็มาที่ร้าน Glass Hostaria ซึ่งคว้ามิชลิน 1 ดวงเมื่อปี 2010 ชมและชิมอาหารจานสวยล้ำ ๆ ของเธอได้ ไม่งั้นต้องตามไปชิมถึงอิตาลี

เชฟมิเกล ลาฟฟาน (Miguel Laffan) จากห้องอาหาร L’ AND Vineyards โปรตุเกส เชฟลาฟฟานผ่านงานครัวจากร้านอาหารติดดาวมิชลินหลายแห่ง อาทิ Fortaleza do Guincho และ Le Clous de la Violette ในฝรั่งเศส ต่อไปยังบราซิลและสเปน และเป็นเชฟในบูทีคโฮเท็ลในเมือง Funchal และ Madeira ก่อนจะมาลงตัวกับร้านอาหารในเมืองอะเล็นไตย์ฌู เชฟลาฟฟานได้ชื่อว่าเป็นเชฟคลื่นลูกใหม่ที่สร้างสีสันให้กับวงการอาหารโปรตุเกส มีจุดเด่นที่การใช้วัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่นซึ่งแสนจะลงตัวกับอาหารสไตล์โมเดิร์น เมดิเตอร์เรเนียน

เชฟคริสเตียน คอสตาร์ดิ และ เชฟมานูเอล คอสตาร์ดิ (Christian & Manuel Costardi) จากห้องอาหาร RISTORANTE CHRISTIAN E MANUEL อิตาลี เชฟสองพี่น้องเกิดในครอบครัวที่สานต่อธุรกิจโรงแรมในแคว้นเพียดมอนต์ เชฟคนพี่อายุมากกว่าน้อง 9 ปี เข้าเรียนในวิทยาลัยด้านอาหารแล้วค่อย ๆ ไต่เต้าจนได้รับตำแหน่งเชฟอันดับสอง ในโรงแรมเรจิน่า เมืองเวนิส ส่วนคนน้องฝึกฝนทำอาหารกับเชฟเซอร์จิโอ เมย์ ที่โรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ มิลาน ต่อมาทั้งคู่เกี่ยวก้อยกันกลับไปโรงแรม Cinzia ของปู่ย่า แล้วสานต่อวัฒนธรรมอาหารแบบดั้งเดิมผสานเข้ากับนวัตกรรมใหม่ ๆ และแล้วเวลาของพวกเขาก็มาถึงในปี 2009 ที่คว้าดาวมิชลินมาครอง

เชฟเจสัน แทน (Jason Tan) จากห้องอาหาร CORNER HOUSE สิงคโปร์ เชฟแทนเริ่มต้นทำงานในร้าน Les Amis ต่อด้วยร้าน Robuchon a Galera และที่ร้าน “Sky on 57” ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ส เชฟแทนบอกว่าเขาหลงใหลในวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และได้ร่วมพัฒนาการปรุงอาหารแบบร่วมสมัยที่เรียกว่า Gastro-Botanica ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวัตถุดิบทั้งผัก อาหารทะเลและเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพสูง และห้องอาหาร E J H Corner House ของเขาได้รับมิชลินสตาร์ 1 ดวง

เชฟอนาโตลี คาซาคอฟ (Anatoly Kazakov) จากห้องอาหาร SELFIE รัสเซีย เชฟเล่าถึงแรงบันดาลใจว่า “แม่ของผมทำงานหนักมาก ทำให้ผมจำเป็นต้องทำอาหารกินเอง ตอนผมอายุ 14 ปี ผมตัดสินใจเรียนทำอาหารแบบมืออาชีพเพื่อที่ผมจะได้ทำอาหารเก่งขึ้น เงินเดือนเดือนแรก ผมนำไปซื้อโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในตอนนั้น (ปี 1993) มันมีราคาแพงมาก เท่ากับเงินเดือนของผมทั้งเดือน” ดังนั้นปรัชญาและมุมมองของเชฟจึงเป็นมุมมองที่ไม่ธรรมดาของส่วนผสมธรรมดา และปลูกผลิตผลที่ใช้ภายในร้านอาหารของเขาด้วยวิถีแบบอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะส่วนผสมที่มาจากประเทศบ้านเกิดของเขาเอง

เชฟจอค ซอนฟริลโล (Jock Zonfrillo) จากห้องอาหาร ORANA ออสเตรเลีย เชฟเชื้อสายสก็อตและอิตาเลียน แต่ผูกพันกับวัฒนธรรมอะบอริจิน เขาร่วมงานกับเชฟชื่อดังหลายคน ปัจจุบันเขาเปิดร้านอาหาร 2 แห่งคือ Orana และ Blackwood ที่เมืองอะเดเลด

เชฟบ็อบบี้ ชิน (Chef Bobby Chinn) เวียดนาม ลูกครึ่งชาวจีนและอียิปต์ เกิดที่นิวซีแลนด์ จบการศึกษาจากอังกฤษ เคยทำงานที่อเมริกา จากนั้นเดินทางไปทั่วโลกและในที่สุดก็ลงหลักปักฐานที่ประเทศเวียดนามในปี 1996 ปัจจุบันเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทั่วโลกที่มีความทันสมัย เคยเปิดห้องอาหารหลายแห่งในฮานอย โฮจิมินห์ และลอนดอน เชฟชินได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตส่งเสริมการผลิตอาหารทะเลอย่างยั่งยืน (Sustainable Seafood Production) ให้กับกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ตั้งแต่ปี 2012