วิกฤติผู้ลี้ภัยยุโรป : กรรมใดใครก่อ....

วิกฤติแล้วจริงๆ...สำหรับคลื่นผู้ลี้ภัยจากซีเรีย อัฟกานิสถานและอื่นๆ เพราะสงครามเข้าสู่ยุโรป
ล่าสุดเยอรมนีประกาศตั้งด่าน ควบคุมชั่วคราวตรงชายแดนติดกับออสเตรีย เพราะรับไม่ไหวกับการหลั่งไหล ของผู้อพยพหนีตายจากบ้านของตัวเอง อันเกิดจากสงครามที่โลกตะวันตกมีส่วนไปร่วมก่อหวอดขึ้น
ตามมาด้วยคำประกาศทำนองเดียวกันจากสโลวาเกียและเนเธอร์แลนด์ และคงจะมีอีกหลายประเทศที่จะเดินตามแนวทางนี้เหมือนกัน
ทางการสั่งระงับบริการรถไฟระหว่างเยอรมนีกับออสเตรีย 12 ชั่วโมงเมื่อปลายสัปดาห์ เพราะมิอาจหยุดยั้งกระแสของผู้ลี้ภัยได้
วันเสาร์ที่ผ่านมาเพียงวันเดียว มีผู้หลบลี้เข้ามาขออาศัยกว่า 13,000 คน
เยอรมนีคาดว่าปีนี้จะมีผู้ลี้ภัยเข้ามาสูงถึง 800,000 จำนวนใกล้ล้านคนอย่างนี้ ไม่มีประเทศยุโรปไหนเคยประสบมาก่อนหลังสงครามโลก
คำสั่งเยอรมนีให้ปิดชายแดนชั่วคราว อย่างนี้ถือว่าผิดข้อตกลงหลักการ Schengen Zone ซึ่งระบุว่าประเทศสมาชิกทั้งหมด 26 ชาติจะต้องยอมให้มีการเคลื่อนไหว ผ่านไปมาอย่างเสรีโดยไม่ต้องมีหนังสือเดินทาง (อังกฤษกับไอร์แลนด์เป็นสองประเทศในยุโรปที่ไม่ได้เป็นสมาชิก)
แต่ในกติกาของเชงเกิ้น ก็มีข้อยกเว้นหากเป็นการตั้งด่านเป็นกรณีพิเศษและชั่วคราว
การตัดสินใจ “ปิดชายแดนชั่วคราว” ของเยอรมนีเท่ากับเป็นการกดดันประเทศยุโรปอื่นๆ ให้ยื่นมือร่วมกันรับภาระหนักอึ้งของผู้ลี้ภัย
เยอรมนีต้องการจะรักษากฎเดิมที่เข้มข้น นั่นคือผู้อพยพจะต้องขอได้สถานะผู้ลี้ภัยจากประเทศอียูแรกที่มาถึง หลังจากนั้นก็จะถูกส่งไปประเทศยุโรปอื่น ๆ ตามระบบโควตาที่ตกลงกันเอง
ผู้คนที่หลั่งไหลจากตะวันออกกลางและแอฟริกา มักจะไม่ยอมจดทะเบียนขอลี้ภัยในประเทศยุโรป ที่ตนไปถึงก่อนเช่นกรีซหรือฮังการี เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ไปอยู่ในประเทศที่ตนอยากไปเช่นเยอรมนีหรือประเทศอียูอื่น ๆ
กลายเป็นว่าเมืองมิวนิคในรัฐบาวาเรียของเยอรมนีเป็น “จุดหมายปลายทาง” ของผู้ลี้ภัยเหล่านี้
รัฐมนตรีมหาดไทยของเยอรมนี Thomas de Maiziere ประกาศว่าผู้ขอลี้ภัย “ไม่มีสิทธิ์เลือกว่าจะไปอยู่ประเทศไหน” ต้องให้เป็นไปตามระบบโควตาที่ประเทศยุโรปได้ตกลงกันไว้แล้ว
ฮังการีกับเช็คก็ประกาศว่าจะใช้มาตรการเข้มข้นเพื่อสกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป
ฮังการีจะสร้างรั้วสูง 4 เมตรตรงชายแดนกับเซอร์เบียเสร็จในสัปดาห์นี้ และจะใช้มาตรการเข้มงวดกับผู้ข้ามชายแดนทันที
หลังจากภาพของเด็กซีเรียอายุ 3 ขวบเสียชีวิตตรงชายแดนตุรกีถูกตีพิมพ์ไปทั่วโลก ทำให้ยุโรปต้องเปิดประตูรับผู้ลี้ภัยอย่างเป็นกิจจะลักษณะ โศกนาฏกรรมของผู้หนีตายจากตะวันออกกลางและแอฟริกาก็เป็นที่รับรู้กันไปทั่ว
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เรือลำหนึ่งพร้อมผู้หนีภัยประมาณ 100 คนเกิดคว่ำใกล้เกาะ Farmakonisi ทางใต้ของทะเลเอเจียน เสียชีวิต 34 คนในจำนวนนี้มีเด็ก 11 คน ยิ่งตอกย้ำถึงวิบากกรรมของผู้ลี้ภัยที่มุ่งสู่ยุโรปอีกรอบ
เยอรมนีบอกว่าวิกฤติที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงปัญหาจำนวนคนเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะคลื่นมนุษย์ที่หลั่งไหลมานั้นรวดเร็วฉับพลันจนรับไม่ไหว
สัปดาห์ก่อน สหภาพยุโรปประกาศแผน “โควตา” ให้สมาชิก 25 ประเทศแบ่งกันรับผู้ลี้ภัยทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นมาอีก 120,000 คน แต่ฮังการี เช็ค สโลวาเกียและโรมาเนียบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการกำหนดตายตัวอย่างนี้เพราะเศรษฐกิจและความสามารถรับผู้คนจากข้างนอกของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
หากจำได้ ยุโรปวิพากษ์เรื่องโรฮิงญาในไทยและเพื่อนบ้านอย่างหนักมาก่อนหน้านี้ วันนี้เมื่อต้องเผชิญกับปัญหานี้ด้วยตนเอง จะได้สำเหนียกถึงความหนักหน่วงของปัญหา และความยากลำบากในการทำอะไรที่ตนเคยเรียกร้องให้คนอื่นทำบ้าง
วิกฤติครั้งนี้พิสูจน์ความจริงใจ และนโยบายมนุษยธรรม อันเป็นมาตรฐานที่ตะวันตกตั้งขึ้นอย่างชัดเจนทีเดียว