วิธีเรียกพลัง(2)

วิธีเรียกพลัง(2)

สัปดาห์ที่ผ่านมา เราคุยกันว่าคนทำงานจำนวนไม่น้อยง่วงเหงาหาวนอน อ่อนเพลีย เป็นกิจวัตรประจำวัน

เมื่อพลังที่ต้องใช้ในการทำงานมีจำกัด ผลงานก็ถูกจำกัดเป็นเงาตามตัว

วีธีเรียกพลัง3 ประการที่มืออาชีพไม่ควรละเลย ประกอบด้วยสามแนวทางพื้นฐาน หรือ The Obvious TrioคือEat Move Sleep

พฤติกรรมการรับประทานอาหารแบบพอดี มีคุณภาพการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอการนอนหลับอย่างพอเพียง

ทั้งนี้ มืออาชีพส่วนใหญ่ มีหรือไม่รู้ ว่าทั้ง 3 ข้อสำคัญยิ่ง

แต่การ “รู้จริง” กับการ “ทำจริง” ต่างกันยิ่งนัก 

ตอนที่แล้วเราขยายความเรื่องที่1.พฤติกรรมการรับประทานอาหารแบบพอดี มีคุณภาพ

และวิธีง่ายๆที่เป็นตัวช่วยให้เรากินอย่างบันยะบันยังขึ้น

วันนี้มาขยายอีก เรื่องสำคัญกันค่ะ

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ MOVE

มีข้อมูลมากมายนับไม่ถ้วน ในหลากหลายแหล่ง สำหรับท่านที่ต้องการพัฒนาตน และเพิ่มพลังด้วยการออกกำลังกาย

ดิฉันขอเสริมเพียงประเด็นหนึ่ง คล้ายคลึงกับคำแนะนำเรื่องพฤติกรรมการกินในตอนที่แล้ว

สิ่งใดที่เราไม่ควรทำ ต้องทำเรื่องง่ายเกินไป ให้ยากขึ้น

อาทิจากการทดลองและวิจัยในที่ทำงาน ปรากฏว่า การวางขนมในที่ไกลตา ไกลตัว ทำให้สามารถลดการกินขนมในที่ทำงานได้ถึงครึ่งหนึ่ง

ดังนั้น ในเรื่องการออกกำลังกาย ก็คล้ายกัน

สิ่งที่เราควรทำต้องทำให้เรื่องยาก เป็นง่ายเข้าไว้

ตัวอย่างเช่น ในช่วงต้นที่ต้องตั้งหลักปักสติ บอกตัวเองว่า สู้! สู้! ปีนี้หนูจะออกกำลังกายๆๆ

กรุณาอย่าทำให้การออกกำลังกายยากลำบากเกินจำเป็น จนเรามีข้ออ้างได้สารพัด จัดเต็ม

..ต้องไปซื้อชุดโยคะก่อน

..รอชุดว่ายน้ำลดราคา

..ต้องรอนัดทีมรวมตัวตีแบ๊ต

เลือกทำอะไรที่ง่ายๆ ทำได้เองทันที ไม่ต้องมีพิธีรีตองมากมายอาทิ ทุกกลางวัน กันเวลาสัก 10-15 นาที เดินออกกำลังกายหลังอาหาร หรือเดินในหมู่บ้าน 30 นาทีหลังอาหารเย็น เป็นต้น

ใครไม่ว่าง ไม่เป็นไร

ฉันไปจ้ะ

นอกจากนั้น ข้อดีสองต่อของการออกกำลังกายคือส่งผลให้เรามีพฤติกรรมอันดีในข้อถัดไป

นั่นคือ ผลการวิจัยผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือ ประมาณ 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ สามารถนอนหลับได้ดีกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายถึง 65%

นอนหลับให้เพียงพอ

แม้รู้ว่านอนน้อยไม่ดีแต่มีน้อยคนที่ตระหนักว่าการนอนน้อยเป็นที่มาของสารพัดปัญหาที่มากกว่าและหนักกว่าที่คิด

ทั้งนี้คนทำงานส่วนใหญ่ มี “หนี้นอน” หรือ Sleep Debt

หนี้นอน คือส่วนต่างของเวลาที่เราต้องการในการนอน กับเวลาที่นอนจริง

ร่างกายของผู้ใหญ่ วัยระหว่าง 18-64 ขอเวลานอนประมาณ7-9ชั่วโมง ตามคำแนะนำของหน่วยงานศึกษาเรื่องการนอนของสหรัฐอเมริกา

คนถนอมมือถือ มักคอยชาร์ทแบตฯอย่างสม่ำเสมอ เพราะรู้ว่าแบตฯหมดแบตเสื่อมได้ หากไม่ชาร์ท

ทั้งนี้..มือถือ แม้เสื่อม ยังพอมีโอกาสซื้อใหม่

แต่ร่างกาย..เมื่อไม่ชาร์ท เสื่อมไป ต้องรอขอใหม่ชาติหน้า

(แต่ก็ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะได้เกิดอยู่ใน species ใด หากได้เป็นยุง อาจสมใจ เพราะยุงไม่นอน)

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนเตือนว่า

ติดหนี้นอนเท่าไหร่กรุณาใช้เท่านั้น

เพราะหนี้นี้ไม่หนีหายไปไหน

ต้องชดใช้เต็มจำนวน

มิฉะนั้นผลร้ายที่ตามมามีมากมายไม่ว่าจะการถดถอยของพลังกายพลังสมอง ความเหนื่อยล้า เฉื่อยชา สติปัญญาหดหาย หงุดหงิดง่าย น้ำหนักเพิ่ม เบาหวาน โรคหัวใจ ฯลฯ สารพัดจัดให้ตามจำนวนหนี้ที่ติดค้าง

ที่สำคัญคือ หากติดไม่มาก ยังพอตามใช้หนี้ได้

แต่หากติดมาก ติดนาน ผลเสียที่เกิดจะออกอาการถาวร

เพราะร่างกายงอน บอกว่า เสียแล้วเสียเลย สายไป ไม่ง้อละ 

ข้อแนะนำหนึ่งที่น่าสนใจในการพัฒนาพฤติกรรมการนอน คือ

ตั้งนาฬิกาปลุก!

แต่ไม่ใช่ปลุกตามปกติเพื่อให้ตื่นตอนเช้าที่เราคุ้นเคย

แต่ปลุกตอนกลางคืน ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนเวลาเข้านอนเพื่อเตือนว่าเตรียมตัวนอนได้แล้วจะทำอะไรก็ทำให้เสร็จ อาบน้ำ ทาหน้า ฯลฯ อย่าโอ้เอ้

จากนั้น ปิดโทรทัศน์ เริ่มผ่อนคลายเตรียมนอน

ที่ลืมไม่ได้มือถือและอุปกรณ์สื่อสารทั้งหลาย วางไว้ให้ไกลเกินเอื้อม

สิ่งที่ไม่ควรทำ (อาทิ นอนกลิ้งเกลือกดู Facebook หรือกระหน่ำส่ง Line แบบไม่รู้จักจบสิ้น) ต้องทำให้ยากขึ้นไงคะ