'ขาใหญ่ไอซีที'.. ขวางลงทุนเคเบิลใต้น้ำ
เห็นรัฐบาลประกาศนโยบายหนักแน่นว่า ปี 2559
เป็น “ปีแห่งการลงทุน” รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ บอกว่า รัฐบาลให้การส่งเสริมผู้ประกอบการ ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการลงทุน วิจัยและพัฒนา จัดตั้งอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในอนาคต โดยให้สิทธิประโยชน์หลากหลายรูปแบบเป็นกรณีพิเศษ ทั้งสิทธิประโยชน์ด้านภาษี ด้านการเงิน สำหรับ 5 อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและ 5 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ส่งเสริมการตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ(IHQ ) และบริษัทการค้าระหว่างประเทศ(ITC)
สิ่งที่รัฐบาลประกาศออกไปจริงๆ ถ้าเป็นไปอย่างที่ว่า รับรองประเทศไทยจะไปไกลกว่า ประเทศอื่นๆ แม้ภาวะเศรษฐกิจภายในและเศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะไม่ปกติก็ตาม
รัฐบาลอุตส่าห์จัดหมวดหมู่เป็น Super Clusters หวังให้เกิดการลงทุนในประเทศ เรียกว่า “เปิดบ้าน” รับการลงทุนเต็มที่ เห็นความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจผลักดันจีดีพีให้ “ผงกหัว”
ท่ามกลางแรงสนับสนุนของรัฐบาล แต่ก็มีแรงต้านเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน อาจเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาล “รู้” หรือ “ไม่รู้” ไม่แน่ใจ แต่วันนี้เอกชนเขาเริ่มสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะในทางปฏิบัติมันสวนทางเหลือเกิน
ตัวอย่างชัดๆ มีกลุ่มเอกชนรายหนึ่งสนใจที่จะลงทุนใน กิจการระบบโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ เพื่อบริการโทรคมนาคม เพราะเป็นกิจการเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล บริษัทรายนี้ให้เหตุผลว่า ต้องการสร้างโครงข่ายและโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ที่มีคุณภาพสูงและราคาเป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบกิจการให้บริการโทรคมนาคมทั้งหลาย เข้ามาเช่าโครงข่าย โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน มีเหตุผลต่างๆ นานาที่อ้างถึงว่า ต้องการลงทุนเพื่ออะไร
ยังได้ทำความตกลงร่วมมือกับผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการระบบเคเบิลใต้น้ำในมาเลเซียและกัมพูชา เพื่อก่อสร้างระบบโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ จะเชื่อมโยงจากทะเลไปขึ้นบกแล้วเชื่อมต่อเข้าสู่สถานีเคเบิลใต้น้ำที่ตั้งอยู่ในมาเลเซีย กัมพูชาและไทย ระยะทาง 1,300 กิโลเมตร พูดง่ายๆ เชื่อม3ประเทศ โดยไทยเป็นเซ็นเตอร์ นี่คือเหตุผลที่เอกชนเขาจะลงทุน
ในเมื่อรัฐบาลสนับสนุน เขาต้องการขอใช้สิทธิประโยชน์ ด้วยการยื่นขอส่งเสริมการลงทุน จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ ตามช่องทางที่มีอยู่ ทำหนังสือถึงเลขาธิบีโอไอ ช่วงเดือนพ.ค.2558
จากนั้นเดือนส.ค.2558 บีโอไอมีหนังสือแจ้งเอกชนรายนี้ทำนองว่า การยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนโครงการที่ว่านี้ “เป็นโครงการที่ไม่มีประเภทกิจการให้การส่งเสริม”
เมื่อส่งเสริมไม่ได้ จำเป็นต้องสอบถามหาเหตุผลจากหน่วยงานต้นสังกัดอย่างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที คำตอบที่ได้ “กิจการดังกล่าวเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพที่สำคัญ ที่ต้องมีการกำหนดนโยบายของประเทศให้รองรับแนวทางการจัดตั้ง Single Gateway ของรัฐบาล และเพื่อให้มีความชัดเจนในเชิงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกิจการโทรคมนาคม ที่จะกำหนดโดยคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จึงขอให้ชะลอการเปิดให้การส่งเสริมการลงทุนออกไปก่อน”
เรื่องนี้คาใจนักลงทุน พยายามสอบถามหาเหตุผล ในที่สุดถึงบางอ้อ..เมื่อ “ขาใหญ่ไอซีที” ให้เหตุผลไม่แน่ใจฟังขึ้นหรือไม่ ทำนองการพัฒนาโครงข่ายสื่อสารเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ เป็นโครงการที่ใช้เทคโนโลยีเฉพาะที่อาศัยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสูง ส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ อาจจะไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ การส่งเสริมการลงทุนที่มุ่งส่งเสริมกิจการที่เข้าข่ายการจ้างงานภายในประเทศ การสร้างมูลค่าเพิ่มของภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ
“ขาใหญ่ไอซีที” ย้ำชัดพิจารณาแล้วเห็นควร “ไม่ให้การส่งเสริมกิจการดังกล่าว”
ถามจริงๆ เถอะ ถ้าไม่มีโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่ดีและมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญมีความน่าเชื่อถือแล้ว จะพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศได้อย่างไร
เหตุผลที่ “ขาใหญ่ไอซีที” ให้มานั้น ฟังแล้วขัดหูยังไงชอบกล เรื่องอย่างนี้ไม่จ้างผู้เชี่ยวชาญแล้วจะจ้างใคร ไม่ได้คิดเลยหรือว่า ถ้าวันหนึ่งมันเกิดอะไรกับประเทศ กับผู้ใช้บริการ แล้วจะทำอย่างไร
เรื่องอย่างนี้รองนายกฯสมคิด คล้อยตามด้วยหรืออย่างไร? หรือเป็นเพราะ “ขาใหญ่ไอซีที” ไม่ต้องการให้รายอื่นเข้ามาแข่งขัน อยาก “ผูกขาด” อย่างนั้นหรือ
แว่วๆ มาว่าหลายหน่วยงานเห็นด้วย แต่ทำไมถึงเกิดขึ้นไม่ได้ เรื่องแบบนี้ อุตตม สาวนายน เป็นถึงเจ้ากระทรวง ไม่รู้อะไรเอาเสียเลยหรือ?