ผมจบ ป.ตรี-ทำข่าวมาหลายปี อยากติดร้อยตรีต้องทำไงครับ?
ข้างบนนั้นคือคุณสมบัติของผม ที่ถึงพร้อมทั้งประสบการณ์
และวุฒิการศึกษา เหมาะสมสำหรับตำแหน่งนายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือนฯ ไม่ต่างอะไรกับคุณสมบัติของ คุณปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา ลูกชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด
ที่สำคัญผมจบ รด.ปี 3 และยังเคยสอบติดข้อเขียน สมัยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเมื่อหลายปีก่อน คือเป็นหนึ่งใน 400 คนจากผู้สมัครเกือบ 2 หมื่นคนด้วย (แสดงว่าความรู้ถึงพอที่จะเรียนได้)
แม้ปัจจุบันผมจะอายุเยอะไปหน่อย แต่ก็ไม่แก่เกินแกง แถมยังมากด้วยประสบการณ์ทำข่าว เขียนข่าว รู้จักเพื่อนพ้องในวงการสื่อ เหมาะกับงานกิจการพลเรือนของกองทัพเป็นอย่างยิ่ง
จุดอ่อนที่สุดของผมถ้าเทียบกับน้องปฏิพัทธ์ ก็คือผมไม่ได้นามสกุลเดียวกับปลัดกระทรวงกลาโหม (ซึ่งเผอิญนามสกุลเดียวกับนายกรัฐมนตรีด้วย) แค่นั้นเอง
ก็ถูก...ที่ท่านปลัดกระทรวงกลาโหมออกมาชี้แจงว่า การบรรจุลูกชายของท่านเข้าเป็นทหาร (โดยท่านลงนามในคำสั่งเองเสียด้วย) เป็นเรื่องปกติที่ทหาร (ใหญ่ๆ) คนอื่นก็ทำกัน แต่หากย้อนไปดูวิธีการบรรจุข้าราชการ ทหารชั้นสัญญาบัตรแล้วจะพบว่า มีอยู่ 3 วิธี คือ
1. เลื่อนฐานะ ส่วนใหญ่เป็นการเลื่อนจากชั้นประทวนเป็นนายร้อย (สัญญาบัตร) ใช้วิธีจัดสอบเป็นการภายในของแต่ละหน่วย
2. บรรจุจากบุคคลพลเรือนภายนอก ใช้การเปิดสอบเป็นการทั่วไป โดยให้หน่วยที่ต้องการบรรจุกำลังพล หรือมีอัตราตำแหน่งว่าง เสนอความต้องการไปยังหน่วยบังคับบัญชา แล้วเปิดรับสมัครบุคคลที่มีคุณสมบัติ ก่อนจัดสอบตามระเบียบของกองทัพ
3. บรรจุจากบุคคลพลเรือนภายนอกเป็นกรณีพิเศษโดยไม่ต้องเปิดสอบ แต่ต้องเป็นกรณีที่กองทัพต้องการบุคลากร ที่จบการศึกษาในสาขาวิชาที่ขาดแคลน สาขาวิชาเฉพาะ หรือสาขาที่กองทัพต้องการเป็นพิเศษเท่านั้น
ลูกชายของปลัดกระทรวงกลาโหมเข้ารับราชการทหาร ติดยศร้อยตรีด้วยวิธีที่ 3 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอำนาจของกองทัพที่สามารถดำเนินการได้ แต่คำถามก็คือ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ สื่อสารมวลชน เป็นสาขาที่ขาดแคลนจริงหรือ เพราะมีนักศึกษาสาขานี้เรียนจบปีละนับพันนับหมื่นคน ที่ฝึกงานอยู่ตามสำนักพิมพ์ และสถานีวิทยุโทรทัศน์ก็มากมายแทบจะเหยียบกันตาย เหตุใดลูกหลานคนที่ไม่ได้มีนามสกุลเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพ จึงไม่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นว่านี้บ้าง
กระแสคัดค้านลูกชายของปลัดกระทรวงกลาโหม ได้สิทธิติดดาวเป็นร้อยตรี ไม่ใช่ประเด็นการเมือง ตามที่ท่านโฆษกกระทรวงกลาโหมออกมาชี้แจงเมื่อวาน เพราะคนที่ค้านเขาก็ค้านกันทุกยุค ทุกคน ไม่ได้เลือกโจมตีเฉพาะบุคคล สมัยที่ คุณเฉลิม อยู่บำรุง เอาลูกคนเล็กเข้าไปเป็นทหารด้วยวิธีพิเศษ และย้ายเหล่าจากทหารมาเป็นตำรวจด้วยวิธีพิเศษ ก็มีกระแสคัดค้านอย่างหนักเช่นกัน
ขณะที่ทหารตำแหน่งใหญ่ที่ดูแลกองทัพอยู่ในปัจจุบันบางท่าน ก็มีลูกทำงานอยู่ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในตำแหน่งธรรมดาๆ ไม่ได้เป็นนายร้อยสอยดาว อย่างนี้ก็ต้องชื่นชมท่านที่ไม่ใช้อภิสิทธิ์อิทธิพลติดดาวให้ลูกตัวเอง เช่นเดียวกับลูกอดีตปลัดกลาโหมอีกหลายท่าน ที่ได้เป็นทหาร ก็เพราะจบโรงเรียนนายร้อย จปร.มา ผ่านการสอบแข่งขันและฝึกหนักตรากตรำเหมือนคนอื่นๆ
ฉะนั้นนี่จึงไม่ใช่การตรวจสอบแบบเลือกข้างหรือเลือกปฏิบัติแต่ประการใด
คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมื่อ 22 พ.ค.2557 ด้วยความหวังว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ที่นำมาสู่ความขัดแย้งในบ้านเมือง และเรียกร้องให้คนไทยยึดถือกฎหมาย รังเกียจการคอร์รัปชันและผลประโยชน์ทับซ้อน
ฉะนั้นท่านต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเริ่มจากตัวท่านเองและคนใกล้ชิดก่อนครับ!