ไม่เสียดาย! ถอดบทเรียนชีวิต70กะรัต...‘เจ้เล้ง’(2)
เรารู้จัก อารียฉัตร อภิสิทธิ์อมรกุล ในชื่อของ “เจ้เล้ง” นักธุรกิจผู้เก๋าเกมในวงการค้าปลีกสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ
แต่พนักงานในร้านทุกคนจะเรียกเธอว่า “แม่” นี่คือวัฒนธรรมองค์กรที่สะท้อนความใกล้ชิดระหว่างผู้บริหารและพนักงาน เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจและทำให้วันนี้เรามาคุยเรื่อง “เจ้เล้ง”กันต่อครับ
เจ้เล้ง ตื่นนอนทุกวันตอนตี5 จากนั้น เธอจะไปออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน ที่ลานอเนกประสงค์ใกล้บ้าน พบปะคนวัยเดียวกันในยามเช้า กลับมาอาบน้ำที่“บ้าน” ซึ่งก็คือชั้นบนของร้านเจ้เล้งที่เปิดมานานหลายสิบปีและเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของดอนเมืองไปแล้ว
10 โมงเช้าเจ้เล้ง ถึงจะลงมาทำงานที่ร้านชั้นล่าง เดินดูร้าน ตรวจตราความเรียบร้อย คุยธุรกิจกับคนที่มาติดต่อหลายสิบคิวต่อวัน จน 2ทุ่ม ถึงจะกลับขึ้นบ้านไปพักผ่อน นี่คือ 1 วันของเศรษฐีนีหมื่นล้านชื่อดังของไทย
จากการสังเกตตอนที่เดินตามเจ้เล้งไปดูสินค้าในร้าน พนักงานจะยืนเป็นระเบียบเรียบร้อย อะไรที่จัดวางไม่สวย หรือแปลกออกไป เจ้เล้งก็จะทักแล้วให้รีบแก้ไข ก็คล้ายๆกับแม่ของลูกๆหลายสิบคนที่คอยตรวจตราความสะอาดของบ้านอยู่เสมอ พูดจาตรงไปตรงมาแต่ก็ยังมีน้ำใจ ดูแลพนักงานแบบใกล้ชิด นี่เป็นอีกทักษะการเป็นผู้นำ(Leadership) ที่เจ้เล้งไม่ต้องไปเสียเงินเรียนในมหาวิทยาลัยไหน
เจ้เล้งเป็นคุณแม่ลูกสามที่ยังแข็งแรง ปัจจุบันมีลูกคนกลาง เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการช่วยดูแลกิจการร่วมกับลูกคนโต ตัวเจ้เล้งรักการทำงานมาก “ถ้าไม่ทำงานจะให้ทำอะไร อยู่บ้านนั่งรอพระอาทิตย์ตก พระจันทร์ขึ้นหรอ? หมดวันกันพอดี”เธอบอก และยืนยันว่าจะทำงานไปจนกว่าจะทำไม่ไหวนั่นล่ะ
เธอวางแผนขยายร้านเจ้เล้งออกไปอีกสาขาที่ลาดกระบัง เพื่อรองรับพื้นที่บริเวณสุวรรณภูมิและเมืองใหม่ที่ขยายตัว โดยสาขาใหม่จะมีขนาดใหญ่กว่าที่ดอนเมืองและทันมัยกว่า นอกจากพื้นที่สำหรับขายสินค้าแล้ว ก็จะมีส่วนที่เป็นอพาร์ทเมนท์ให้เช่า และพื้นที่ใช้ทำประโยชน์ได้อีก
มาวันนี้ถ้าจะบอกว่าเจ้เล้งเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยก็คงไม่ผิด เมื่อถามว่าควักเงินลงทุนสำหรับโปรเจคใหม่ไปเท่าไหร่ เธอไม่บอก บอกแต่ว่าไม่น่าทันเปิดปีนี้ ต้องเป็นปีหน้าเป็นต้นไป
ปัจจุบันห้างค้าปลีกต่างๆ เริ่มกลุ้มใจที่ลูกค้ากำลังซื้อลดลง ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น ยอดขายก็ลดลงตาม แต่เจ้เล้งยืนยันว่ายอดขายปี 2560 คงไม่ลดไปกว่าปีแล้ว แต่ว่าก็คงไม่เพิ่ม ตามภาวะที่เป็นจริงกับกำลังซื้อผู้บริโภคปัจจุบัน
น่าทึ่งว่าช่วงที่ผ่านมาร้านเจ้เล้งยอดขายเติบโตขึ้นปีละ 10% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ดีทีเดียว มูลค่ายอดขายก็เป็นหลายพันล้านบาทต่อปี “ยังอยู่ได้สบายๆ”เจ้เล้งยืนยัน
การบริหารเงินขอเจ้เล้งจะใช้วิธีค่อยเป็นค่อยไป ไม่ไปกู้หนี้ยืมก้อนโตมาเสี่ยงทำธุรกิจ เธอจะเอาเงินของเธอต่อยอดเงินในหนทางที่ถนัด รู้จักมันดี
ขณะเดียวกันก็ยังหาโอกาสทำเงินใหม่ๆด้วย ทั้งการทำแบรนด์สินค้าของตัวเอง(House Brand)ขายในร้าน หรือการเป็นนายหน้าการค้า(Trader) แบบซื้อมาขายไปก็ตามที เห็นแบบนี้ใช่ว่าจะยึดติดกับการทำธุรกิจแบบเดิมๆ ที่เคยทำมาตลอด เจ้เล้งก็ปรับตัวตามสถานการณ์ เธอจ้างทีมงานที่มีประสบการณ์เพื่อทำเรื่องการตลาดโดยเฉพาะ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ มีบล็อกเกอร์ที่คอยรีวิวสินค้าสนับสนุน มีบัตรสมาชิกให้สะสมแต้มอีกต่าง หาก “แต่ก่อนไม่เคยทำ เดี๋ยวนี้ก็ต้องทำ”ประโยคนี้ตอกย้ำถึงการให้ความสำคัญกับการปรับตัวในโลกธุรกิจของเจ้เล้ง
สิ่งที่ผมและรายการ Business 101ได้เรียนรู้จากเธอคือ จริงอย่างที่โบราณว่า คนขยันจะไม่อดตาย เจ้เล้งทำงานหนักมาตลอดไม่เคยหยุด คิดเรื่องการขยายและพัฒนาธุรกิจเสมอ ที่สำคัญคือรู้จักประหยัดอดออม ไม่ใช้เงินเกินตัวหรือหลงระเริงไปกับวัตุนิยมอย่างที่คนรุ่นใหม่สมัยนี้เป็น
เธอเตือนว่าพอมีเงินอย่าเพิ่งไปรีบซื้อบ้านซื้อรถ รีบเป็นหนี้ ประเมินทุกอย่างให้ดี ให้พอเหมาะกับชีวิตก่อนดีกว่า แม้ว่าจะเพิ่งผ่านมรสุมชีวิตเมื่อต้องเลิกรากับสามีที่อยู่กินกันมานาน แต่ก็เริ่มมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เริ่มต่อแถวมาสมัครเป็นคู่ใจอยู่ทุกวัน เจ้เล้งยืนยันผ่านรายการว่า ไม่เอาแล้ว พอแล้ว ไม่รับสมัคร(สามีใหม่)แล้ว!
นี่คือ บทเรียนชีวิต ของผู้หญิงคนนี้ ‘เจ้เล้ง’ครับ