วิธีเสริมความคิดสร้างสรรค์ ฝันดีของมนุษย์ขี้เกียจ
วันนี้ที่ประเทศไทยและที่ใดๆในโลก ต่างล้วนมุ่งเน้นการพัฒนาโดยอาศัยนวัตกรรมใหม่ๆ วิธีการในอดีตหลายหลากวิธี..ไม่มีที่ยืนในโลกยุคใหม่
อาทิ โลกกำลังขยับสู่สังคมไร้ “ธนบัตร” ที่พี่แจ๊ค หม่าจัดให้
หรือ ความสำเร็จที่มิอาจวัดด้วยอาชีพที่มั่นคงยั่งยืน ฝืนความเชื่อของคนยุคป้าว่าทำงานต้องมีความจงรักภักดี อยู่ที่ไหนต้องอยู่นานๆ
สอดคล้องกับเรื่องนี้ ดิฉันมีมุมมองใหม่ ให้มนุษย์ “ขี้เกียจ” มีเฮค่ะ!
ก่อนอื่นใด ดิฉันได้ “เฮ!”ก่อน
เพราะสำหรับดิฉัน การนอนกลิ้งเกลือกอ่านหนังสือ ถือเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ตั้งแต่วัยเยาว์
จนผู้ใหญ่เอาไม้เมตรมาวัดว่า “หลังยาว” เท่าใด เข้าข่ายขี้เกียจตัวเป็นขน
ยามเป็นนักศึกษา เรื่อยมาจนวัยสาว(เหลือ)น้อย “เส้นตาย” กลายเป็นเพื่อนซี้
งานใดยังไม่ใกล้ ไม่เริ่ม เติมความตื่นเต้น ได้ลุ้น จนคุ้นเคยกัน
เชื่อว่าหลายท่านเคยผ่านความรู้สึกนี้ ที่เกิดจากพฤติกรรม “ผลัดวันประกันพรุ่ง” ที่ฝรั่งเรียกว่า Procrastinate
ทั้งสังคมไทยและสังคมส่วนใหญ่ในโลก ฟันธงว่าพฤติกรรมพลัดวันประกันพรุ่งของมนุษย์ขี้เกียจ เป็นนิสัยที่ไม่ควรมี
“ดินพอกหางหมู” ดูอย่างไรก็ไม่ดี
แต่..วันนี้ มนุษย์ผัดวันประกันพรุ่ง อาจมีสิทธิ์ “รุ่ง” กว่ามนุษย์ที่มีวินัย ที่ทำอะไรๆต้องเสร็จก่อน “เส้นตาย” หลายวัน หรือหลายสัปดาห์
เพื่อความเป็นธรรม คนมี “วินัย” ที่ไม่ผลัดวันประกันปี มีเด่นกว่า หากเรามองหา “ประสิทธิภาพ” หรือ Productivity เพราะพี่ “เป๊ะ” ไม่เละเทะ ไม่ฝันเฟื่อง
แต่..ถ้าเป็นเรื่อง “ความคิดสร้างสรรค์”
คนที่มีวินัย โดยเฉพาะผู้ที่มีนิสัย Precrastinate ซึ่งชอบทำสิ่งใดๆเสร็จก่อนเวลา กลายเป็นเด่นไม่เท่าคน Procrastinate
คนผัดวันประกันพรุ่ง รุ่งกว่า หากโจทย์คือ การมองหามุมมองใหม่ๆ!
จากการศึกษาของอาจารย์ Adam Grant ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาองค์กร แถมเป็นขวัญใจของนักศึกษาวัยว้าวุ่น จากผลการประเมินของนักศึกษา ที่ยกให้อาจารย์เป็น “อาจารย์ในดวงใจ” ของ Wharton สถาบันชื่อดัง ถึง 5 ปีซ้อน
นอกจากนั้น อาจารย์ยังเขียนหนังสือดัง Top Hit ติดอันดับ Best Sellers
เล่มล่าสุด คือ Originals หรือ มนุษย์นักคิดต้นแบบ โดยวิจัยเจาะว่าคนที่มีไอเดียบรรเจิด จนมีผลงานที่เลิศ ใหม่ ไม่ซ้ำใคร เขามีพฤติกรรมอะไรให้เราเรียนรู้ได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นคนในประวัติศาสตร์ เช่น จิตรกรเอก Leonardo da Vinci เจ้าของผลงานอมตะ Mona Lisa ไล่มาถึงป๋า Steve Jobs ตลอดจน รุ่นลูกหลาน เจ้าของงานเด่นๆ เช่นกลุ่ม Start Ups ยุคใหม่ เป็นต้น
ผลคือ ข่าวดี! มีเฮให้มนุษย์ “ย้วย” ที่มีพฤติกรรมแบบไม่กระชับ ไม่ฉับไว จะทำอะไรๆ มักรอจนวินาทีท้ายๆ..ประมาณไฟไม่ลนก้น ไม่ลนลานทำ
การวิจัยของอาจารย์ Grant บ่งชี้ว่า มนุษย์สายพันธ์นี้ มีดีกว่าที่เราเคยนึก
เช่น ปรมาจารย์อย่าง Leonardo da Vinci มีโครงการกะๆว่าจะวาดรูป Mona Lisa อยู่กว่า 16 ปี! กว่าพี่จะเริ่มลงสีละเลงจริงจนเสร็จ กลายเป็นหญิงที่มียิ้มอมตะ ให้โลกได้ละลานตา
หรือเมื่อเข้าไปศึกษาในองค์กรหลากหลาย ผลการวิจัยฟันธงว่า มืออาชีพที่ได้รับการประเมินว่ามีความคิดสร้างสรรค์ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มักผลัดวันประกันพรุ่ง
อาจารย์มีคำอธิบายผลการศึกษา ว่าทำไมนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง ที่เหมือนไม่ดีกลับส่งผลบวกในเรื่องสำคัญ คือ ความคิดสร้างสรรค์ ที่วันนี้ใครๆต่างแสวงหา
นั่นคือ คนที่มีวินัย เมื่อต้องทำอะไร ก็เริ่มเร็ว และเสร็จเร็ว ไม่อ้อยอิ่ง
การเร่งทำให้เสร็จ ทำให้ผู้ทำงานมักใช้วิธีการที่คุ้นเคยเดิมๆ จะได้ไม่เสียเวลาหาหนทางใหม่ แถมไม่ต้องเสี่ยงกับวิธีการใหม่ ที่อาจไม่ “work”
ขณะที่คนที่ใช้เวลาลากยาว ไม่เข้าด้ายเข้าเข็ม ไม่ขยับ ถือว่าสมองได้มีเวลาบ่มเพาะความคิด ทั้งอย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ จึงเพิ่มโอกาสได้แนวทางใหม่ๆเพิ่มขึ้น
ตัวอย่างเช่น Albert Einstein มนุษย์ที่ชาญฉลาดที่สุดคนหนึ่งของโลก ที่ได้รับรางวัล Nobel จากทฤษฎีสัมพัทธภาพ เขียนในอัตชีวประวัติว่า เขาได้ไอเดียนี้ตอนอายุ 16 ยามนั่งฝันกลางวัน daydreaming ช่วงพักผ่อน และบ่มเพาะความคิดนี้ จนกลายเป็นทฤษฎีที่ลือลั่นอีก 10 ปีต่อมา
แต่อย่างไรก็ดี มนุษย์ขี้เกียจก็มีข้อจำกัด นั่นคือ การผัดวันประกันพรุ่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ย่อมหมายถึงไม่เคยมีโอกาสสร้างผลงานใดๆให้ปรากฏ
สรุปว่า ผัดวันประกันพรุ่งได้..แต่ไม่ใช่ผลัดวันประกันชาติค่ะ