กรรมการสภามหาวิทยาลัยกับการยื่นบัญชี

กรรมการสภามหาวิทยาลัยกับการยื่นบัญชี

“ถ้าไม่คิดจะโกงจะกลัวการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไปทำไม” “ยิ่งโปร่งใสยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการปราบคอรัปชั่น” “ที่จะลาออกจากนายกและกรรมการสภา

ก็เพราะต้องการหนีการตรวจสอบ"ฯลฯ ทั้งหมดนี้ คือข้อวิจารณ์ปฎิกิริยาด้านลบของกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่ต้องยื่นและเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อสาธารณะ ในฐานะผู้เขียนเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยของรัฐคนหนึ่งจึงใคร่ขอแสดงความเห็นจากอีกแง่มุมหนึ่ง

กฎหมาย ป.ป.ช. ฉบับใหม่ ปี 2561 มาตรา(102) ระบุให้ผู้ดำรงตำแหน่งต่อไปนี้ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (1)ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (2)ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (3)ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ (4)ข้าราชการตุลากรตั้งแต่อธิบดีผู้พิพากษาขึ้นไป(5) ข้าราชการตุลาการศาลปกครองตั้งแต่อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นขึ้นไป (6)ข้าราชการอัยการตั้งแต่อธิบดีอัยการขึ้นไป (7)ผู้ดำรงตำแหน่งสูง (8)ตำแหน่งอื่นที่กฎหมายอื่นกำหนดให้ยื่น (9)ผู้บริหารท้องถิ่นรองและผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นโดยคู่สมรสให้หมายถึงผู้ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่อยู่กินฉันสามีภรรยาด้วยบุตรนั้นทั้งลูกในและนอกสมรส

มาตรา104 ระบุว่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งใดต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา102 แล้วให้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป

การยื่นโดยทั่วไปต้องยื่นเมื่อเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่ง และยื่นทุก 3 ปีที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่

เมื่อ 1 พ.ย.2561 ประธานคณะกรรมการป.ป.ช.ประกาศในราชกิจจานุเบกษาระบุตำแหน่งต่างๆ ตามมาตรา102 ที่เป็นปัญหาก็คือ การตีความข้อ(7)ว่า ผู้ดำรงตำแหน่งสูง กินความถึงนายกสภาและกรรมการสภามหาวิทยาลัยของรัฐทั้งหมด โดยมีการระบุชื่อสถาบันด้วย

ตรงนี้แหละที่เกิดข้อถกเถียงขึ้นมาว่าจะมีนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยหลายคนแสดงความประสงค์จะลาออก ประเด็นสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามก็คือ คนเหล่านี้มิได้เพียงยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตนเอง ภรรยาและบุตรผู้ไม่บรรลุนิติภาวะโดยใส่ซองไว้หากไม่มีเรื่องก็ไม่มีการเปิดออกตรวจสอบ ความจริงก็คือ มาตรา104 ระบุให้ยื่นและเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดให้ประชาชนทราบเพื่อประโยชน์ในการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคลในข้อ(1) (เฉพาะนายกรัฐมนตรีส.ว. และส.ส.) ข้อ(2) (3) (7) และ ( 9 ) (มาตรา106)ข้างต้นอีกทั้งป.ป.ช. ต้องตรวจสอบและประกาศผลด้วย

การยื่นและการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะของบุคคลเหล่านี้ในหลักการเป็นเรื่องดีแต่มีหลายประเด็นที่อาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ผู้เขียนขอกล่าวเฉพาะกรณีของนายกสภาและกรรมการสภาในที่นี้ โดยมีความเห็นดังต่อไปนี้

(1)ที่เขากลัวกันนั้นมิใช่การยื่น แต่กลัวการยื่นไม่ครบซึ่งเป็นคดีอาญามีผู้ถูกจำคุกมาแล้วใครที่อยู่ในวัย 50 ปีขึ้นไป ทั้งตัวเองและภรรยาย่อมมีสมบัติพัสถานปลีกย่อยไม่น้อยเช่น เงินฝากหลายบัญชีหลายแห่ง หุ้นที่อาจซื้อไว้แล้วลืมเพราะไม่มีเงินปันผล(ใบหุ้นสมัยก่อนต้องเก็บไว้เองและต้องเก็บต่อเนื่องถึงปัจจุบัน)ต้องแจ้งมูลค่าตุ้มหู แหวน กำไลและอัญมณีต่างๆ ที่มีมูลค่ารวมกันเกิน 2 แสนบาท ทั้งหมดต้องมีรายละเอียดมีรูปถ่ายประเมินมูลค่าของแต่ละรายการ หากพบว่าขาดรายการใดไปก็อาจมีปัญหาได้

นอกจากนี้ต้องรายงานมูลค่าสิทธิและสัมปทาน เช่น สิทธิในทรัพย์สินทางวรรณกรรม (ต้องมีสำเนาหลักฐานการจดทะเบียนสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์) ศิลปกรรม ประดิษฐกรรม สิทธิตามสัญญา สิทธิที่รัฐหรือเอกชนรับรอง สิทธิสมาชิกสนามกอล์ฟ สิทธิการเช่าที่ดินสลากออมสินยานพาหนะฯลฯถ้าภรรยาลืมบางสิ่งหรือตนเองลืมบางสิ่งเช่นมิได้เอาเงินฝากสมุดออมสินของลูกมารวมฯลฯโดยมิได้ตั้งใจก็มีสิทธิถูกสอบสวนเสียชื่อเสียงไปก่อนที่จะเคลียร์ชื่อได้(กรรมการสภาต่อไปจะมีแต่ผู้“แต่งตัว”มาเรียบร้อยแล้วพร้อมที่จะเป็น)

การตกรายการโดยมิได้ตั้งใจด้วยเงินเล็กน้อย อาจเป็นปัญหาได้เพราะวิจารณญาณของ ป.ป.ช. แต่ละคนแต่ละสมัยย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อตัดไฟตัดความกังวลก็อย่าเป็นมันเสียดีกว่า

(2)ประธานกรรมการสนับสนุนกิจการของมหาวิทยาลัยที่มักเป็นนักธุรกิจศิษย์เก่าและนายกสมาคมศิษย์เก่าที่เป็นกรรมการสภาโดยตำแหน่งจะหาได้ยากขึ้น มหาวิทยาลัยจะเสียโอกาสได้คนที่เหมาะสมมาเป็นกรรมการสภา

การรายงานนั้นต้องครอบคลุมยอดเงินที่ค้างบัตรเครดิตทุกประเภท หนี้ทุกลักษณะ เงินกู้จากทุกสถาบันการเงิน อีกทั้งต้องรายงานหลักทรัพย์ทุกประเภทจากทุกบริษัทที่เป็นเจ้าของ พูดง่ายๆก็คือต้องรายงานทรัพย์สินทุกลักษณะ ประมาณการรายได้ระหว่างปีจากทุกแหล่งประกอบแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ปีสุดท้าย คงไม่มีนักธุรกิจคนใดที่สามารถรวบรวมได้ครบเพราะยอดที่มีต้องตรงกับวันรายงานและอาจไม่อยากเปิดเผยให้คู่แข่งทราบว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่

(3)การเป็นกรรมการสภานั้นย่อมขัดใจ ขัดผลประโยชน์ของคนในมหาวิทยาลัยบ้างเป็นธรรมดา บางคนอาจโกรธแค้นถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่ได้รับการสรรหาในตำแหน่งที่ต้องการโดยกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานกรรมการสรรหาการเปิดเผยข้อมูลจะเป็นอาหารอันโอชะสำหรับคนเหล่านี้ที่จะไปต่อยอดเท็จร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช.ว่าประเมินขาดไม่ครบหรือทำลายชื่อเสียงทางโซเชียลมีเดียโดยมีข้อมูลจริงปนเท็จได้อย่างน่าเชื่อถือ ซึ่งก่อนหน้านี้ทำได้ยากกว่าและน่าเชื่อถือน้อยกว่า

ผู้เขียนเชื่อว่าการเปิดเผยข้อมูลเช่นนี้มีข้อเสียเพราะจะเป็นชนวนที่ทำให้เกิดการร้องเรียนป.ป.ช. สตง.และตำรวจอีกมากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบันจากข้อขัดแย้งที่มีอยู่มากมายแล้วจนอาจทำให้การบริหารมหาวิทยาลัยไม่ไปอย่างราบรื่นและเลวร้ายกว่าสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้

การประเมินค่าสิ่งต่างๆที่เป็นทรัพย์อื่นๆสามารถถกเถียงเรื่องมูลค่ากันได้เสมอ(มูลค่าวัตถุโบราณที่ครอบครองอยู่ มูลค่าพระเครื่อง จะประเมินอย่างไร)และตรงจุดนี้จะเป็นข้อถกเถียงที่ทำให้เกิดการร้องเรียนกันได้ไม่รู้จบ

(4) การ“กลัวหลุด” “กลัวเสียชื่อเสียง” “กลัวการแก้แค้น” “อึดอัดใจ” (เสียความเป็นส่วนตัว) “ความยุ่งยาก” (ในการหาหลักฐานประกอบทุกรายการ)ฯลฯล้วนเป็นเหตุผลน่าเห็นใจ สำหรับกรรมการสภาที่มิได้มีหน้าที่จัดซื้อจัดจ้าง ตั้งใจที่จะทำงานแทนประชาชนในการ “กำกับ”และ“ตรวจสอบ”การทำงานที่มีอธิการบดีเป็นหัวหน้า

การลาออกจากการเป็นนายกและกรรมการสภาแทนที่จะอยู่และต้องเปิดเผยทรัพย์สินและหนี้สินต่อสาธารณชนจึงมิใช่เรื่องของการกลัวการตรวจสอบ กลัวว่าโกงแล้วจะถูกจับได้ ไม่ชอบความโปร่งใส ปากพูดว่าเกลียดคอรัปชั่นแต่พอถึงตาตนเองกลับไม่ร่วมมือ

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้รับการสรรหาจากประชาคมเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งจึงน่าจะเป็นผู้มีประสบการณ์และความรู้ช่วยชี้นำและกำกับมหาวิทยาลัยได้ดี การลาออกไปจึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย อีกส่วนหนึ่งของกรรมการสภาที่มาจากผู้แทนผู้บริหารระดับคณบดี ผู้แทนอาจารย์ต่อไปนี้จะหาได้ยากเพราะเป็นเพียง1-2ปีแต่ต้องยื่นบัญชีเหมือนกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ จะได้มาก็เฉพาะ“ผู้พร้อม”ที่จะเข้ามาร่วมเป็นกรรมการเท่านั้น

การมีกรรมการสภาที่ไม่ดี เจตนาทุจริต เบียดบังเงินทองของมหาวิทยาลัยนั้น มิใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้แต่ทำได้ยาก ต้องการความร่วมมือกับกรรมการสภาคนอื่นและผู้บริหารอย่างกว้างขวางเช่นในเรื่องการขายตำแหน่งบริหาร อนุมัติโครงการที่ใช้เงินและทรัพยากรของมหาวิทยาลัย อย่าลืมว่าคนเลวนั้นมีอยู่ทุกแห่งและโกงได้ในทุกตำแหน่งเพราะมีความสร้างสรรค์ในหัวใจสูง การเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคลใดก็ตาม กี่คนก็ตามไม่ได้แก้ไขปัญหาคอรัปชั่นราวเสกคาถา ถ้ามันมีอิทธิฤทธิ์มากจริงคอรัปชั่นคงลดลงไปตลอดกว่า20ปีที่มีการยื่นบัญชีเช่นนี้กันแล้ว

ในการประกาศชื่อสถาบันอุดมศึกษาครั้งนี้ป.ป.ช.ไม่ได้รวมวิทยาลัยชุมชน(20แห่งที่ให้อนุปริญญา) โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ

การมีรายชื่อของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์นายกสภาและมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่เป็นกรรมการสภาจำนวนมากเช่นเดียวกับมหามกุฏราชวิทยาลัยหากรูปใดรายงานทรัพย์สินตกไปก็อาจนำไปสู่การปาราชิกได้