ล้างเมืองบาป 'เมียวดี' เด็ดหัว 'ชิตตู่' เตะหมูเข้าปาก 'อินทรี' 

การปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งรัฐกะเหรี่ยง ไม่ง่ายเหมือนฝั่งรัฐฉาน ปักกิ่งคิดได้แต่ทำยาก ตัวแปรชายแดนไทย-เมียนมา คือ อิทธิพลสหรัฐฯ

รัฐบาลแพทองธาร เปิดปฏิบัติการตัดไฟ ตัดน้ำมัน ตัดเน็ตไปแล้วหลายวัน คนไทยก็เฝ้าถามว่า กี่โมงกี่ยามจึงจะมีการจัดการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เมืองใหม่ชเวก๊กโก่ เคเคพาร์ค ฯลฯ ในพื้นที่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง 

หลายคนคงอยากเห็นภาพ พ.อ.ซอ ชิตตู่ ผบ.กองกำลังกะเหรี่ยง BGF ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับ ไป๋ โส่วเฉิง มาเฟียโกก้าง ที่ถูกจับส่งตัวไปดำเนินคดีในเมืองจีน

จะว่าไปแล้ว การที่พี่ใหญ่จีนจะใช้ “เล้าก์ก่ายโมเดล” มาจัดการ พ.อ.ซอ ชิตตู่ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ

1. เพราะเมียวดี ไม่ได้มีแค่กะเหรี่ยง BGF
2. หากแต่ยังมีกะเหรี่ยง KNU/KNLA
3. KNU/KNLA ใกล้ชิดกับรัฐบาลฝ่ายต่อต้าน (NUG) และสหรัฐฯ 

แหล่งข่าวความมั่นคงชายแดนวิจารณ์ว่า สิ่งที่ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอให้รัฐบาลแพทองธาร ออกหมายจับ พ.อ.ซอ ชิตตู่ ในฐานะหัวหน้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็คิดได้ แต่ทำได้ยาก

ปัจจุบัน พ.อ.ซอ ชิตตู่ เป็นนายทหารใหญ่ ผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยง BGF สังกัดกองทัพเมียนมา และใกล้ชิดกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่องหล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC)

แม้ความสัมพันธ์ของ “มินอ่องหล่าย” กับ “ชิตตู่” จะลุ่มๆดอนๆ ในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ แต่ศูนย์อำนาจเนปิดอว์ ก็ไม่กล้าแตกหักกับ BGF ในเวลานี้ 

ระบอบมินอ่องหล่ายทรุด

ย้อนไปปี 2537 กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) โดยการนำของ พ.อ.ซอ ชิตตู่, พ.ท.ซอ โม้โต่ง และ พ.ต.เต่ง วิน นำกำลังพลแปรสภาพเป็น “กองกำลังพิทักษ์ชายแดน” (BGF) สังกัดกองทัพเมียนมา 

นับจากนั้นมา กะเหรี่ยง BGF และ ทหารเมียนมา ได้เข้ามาประจำการตามแนวพรมแดนไทย-เมียนมา เต็มพื้นที่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง 

สถานการณ์วันนี้ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ในทางการปกครองนั้น มีมุขมนตรีรัฐกะเหรี่ยง เป็นผู้บริหารท้องถิ่น แต่ในความเป็นจริง พ.อ.ซอ ชิตตู่ เป็นเสมือนมุขมนตรี คุมทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายทหาร

ดังที่ทราบกัน หลังจากทหาร KNLA และ PDF ยกกำลังถล่มทหารเมียนมาที่ค่ายผาซอง จนแตกพ่ายเมื่อกลางปีที่แล้ว ก็ไร้เงาทหารมินอ่องหล่ายในเมืองเมียวดี

ทหารเมียนมา ยังปักหลักอยู่ที่กองบัญชาการ “กองทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้” เมืองเมาะละแหม่ง รัฐกะเหรี่ยง

แม้ทหารเมียนมา จะเปิดปฏิบัติการอ่องเซยะ เคลื่อนกำลังพลจากเมืองกอกะเร็ก ข้ามเทือกเขาดอว์นะ โดยมีเป้าหมายจะยึดคืนเมืองเมียวดี แต่ฝ่าด่านสกัดของกองกำลังกะเหรี่ยง KNLA ไม่ได้

หลังรัฐประหาร 2564 ความอ่อนแอของ “ระบอบมินอ่องหล่าย” ทำให้ “กะเหรี่ยงเทา” ก่ออาชญากรรมไซเบอร์และค้ามนุษย์ ด้านตรงข้าม อ.แม่สอด อ.พบพระ จ.ตาก และ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี 

3 สหายแก๊งกะเหรี่ยงเทา

ยุคสงครามเย็น พรมแดนไทย-เมียนมา ด้านรัฐกะเหรี่ยงนั้น เป็นเขตอิทธิพลของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) โดยนายพลโบเมี้ยะ ซึ่งที่มั่นของ KNU ตั้งแต่มาเนอปลอ เมียวดี วาเล่ย์ พญาตองซู ไปจนถึงตะนาวศรี เป็นดั่ง “รัฐกันชน” ของไทย-เมียนมา

เมื่อเกิดความแตกแยกภายในสหภาพกะเหรี่ยง KNU มีการแยกตัวเป็นกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) แปรพักตร์ไปสนับสนุนเผด็จการทหารเมียนมา คำว่ารัฐกันชนก็หายไป 

ต่อมา กะเหรี่ยง DKBA โดย พ.อ.ซอ ชิตตู่, พ.ท.ซอ โม้โต่ง และ พ.ต.เต่ง วิน ถอดเครื่องแบบ DKBA สวมชุดใหม่ “กองกำลังพิทักษ์ชายแดน” (BGF) สังกัดกองทัพเมียนมา 

8 ปีที่แล้ว กองกำลังกะเหรี่ยง BGF มีกำลังพลประมาณ 7,000 นาย จัดวางโครงสร้างการบังคับบัญชาเป็น 13 กองพัน แบ่งพื้นที่ดูแลเป็น 4 กรม และปัจจุบัน ประเมินว่า BGF มีกำลังพล 1 หมื่นนาย

ผู้นำกองกำลัง BGF ที่ทรงอิทธิพลมีอยู่ 3 คนคือ ชิตตู่ ,โม้โต่ง และเต่งวิน ทั้งสามสหายต่างเป็นหุ้นส่วนใหญ่ในเมืองบาปจีนเทา 

พ.อ.ซอ ชิตตู่ คุมกรม 3 หรือ ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 3 เมืองเมียวดีฝั่งเหนือ และดูแลเมืองใหม่ชเวก๊กโก่ ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.แม่ระมาด และ อ.แม่สอด จ.ตาก

พ.ท.ซอ โม้โต่ง คุมกรม 4 หรือ ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 4 เมืองเมียวดีฝั่งใต้ และดูแลเมืองตงเหมย เมืองใหม่เมียวดี และจินเซียน พาร์ค ตั้งอยู่ตรงข้าม ต.แม่โกนเกน อ.แม่สอด จ.ตาก

พ.ต.เต่ง วิน คุมกรม 2 หรือ ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 2 เมืองเมียวดีฝั่งใต้ และดูแลเมืองใหม่เคเคพาร์ค อยู่ตรงข้ามกับ ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก

ก่อนจะกวาดล้าง “กะเหรี่ยงเทา-จีนเทา” ก็ต้องเข้าใจสภาพแนวชายแดนเมียนมา-ไทย รัฐกะเหรี่ยง จากเมืองเมียวดี จ.เมียวดี ไปจนถึงเมืองพญาตองซู จ.จะอินเซ็กจี รัฐกะเหรี่ยง ไม่ต่างจากเขตปลอดทหารเมียนมา 

กะเหรี่ยง BGF มีอิทธิพลดเหนือแนวชายแดนด้าน จ.เมียวดี ทั้งฝั่งเหนือและฝั่งใต้ ส่วนกะเหรี่ยง DKBA ก็คุมพื้นที่เมืองชูกลี เมืองเมียวดีฝั่งใต้ ไปจนถึงเมืองพญาตองชู

เจ้าพ่อกะเหรี่ยง DKBA

2-3 เดือนมานี้ กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) ได้รับความสนใจจากสื่อไทย เมื่อมีการค้นพบเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ที่เรียกว่า ช่องแคบหรือไท่ฉาง ตรงข้าม ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก

“โกไซ” พล.จ.ไซ จ่อหล่า ผู้บัญชาการกองพลน้อย ที่ 1 DKBA เป็นผู้ควบคุมเขตพิเศษไท่ฉาง เขาไม่ใช่คนกะเหรี่ยง แต่เป็นชาวไทใหญ่ ดำเนินธุรกิจค้ายาเสพติดมานานนับสิบปี
 
หลังสิ้นผู้นำ DKBA อย่าง พ.อ.นะคะมวย และ พ.อ.มูเซ กองกำลัง DKBA ก็ถูก “โกไซ” นำพาไปสู่ธุรกิจสีเทา สร้างอาณาจักรเมืองสแกมเมอร์ รองรับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่แตกทัพมาจากสีหนุวิลล์ กัมพูชา และเล้าก์ก่าย รัฐฉานเหนือ

ในรัฐกะเหรี่ยง สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ที่มี ซอ กวยทูวิน เป็นประธานคนที่ 10 จะเป็นองค์กรนำในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่การเกิดขึ้นของ “กะเหรี่ยงเทา” ก็ทำให้ KNU กระอักกระอ่วนใจพอสมควร

ทุกวันนี้ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ของสหภาพ KNU ยังทำการสู้รบกับทหารเมียนมา แต่ก็ยังห่างไกลกับคำว่า ปลดปล่อยรัฐกะเหรี่ยง เพราะไร้ความเป็นเอกภาพ ในกลุ่มผู้นำกะเหรี่ยง 

สาเหตุหนึ่งที่พี่ใหญ่จีน ไม่เลือก “เลาก์ก่ายโมเดล” ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองเมียวดี ก็เพราะไม่ไว้เนื้อเชื่อใจสหภาพกะเหรี่ยง KNU 

ที่ผ่านมา ผู้นำกะเหรี่ยงสายแข็ง กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) เลือกข้างรัฐบาลต่อต้าน (NUG) และเปิดรับการช่วยเหลือจากสหรัฐฯ 

ที่สำคัญ พี่ใหญ่จีนยังเล่นเกมสองหน้า ด้านหนึ่งจับมือกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่องหล่าย และอีกด้านหนึ่งก็ยังหนุนกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ในรัฐฉานตอนเหนือ

ปฏิบัติการเด็ดหัว “ชิตตู่” เจ้าพ่อเมียวดี เหมือน “ไป๋ โส่วเฉิง” เจ้าพ่อเล้าก์ก่าย จีนคงคิดหนักเพราะไม่อยากเตะหมูเข้าปาก “อินทรี”