ส่องเทรนด์ผู้บริโภค "Gen Y" และ "Gen Z" ที่แบรนด์ไทยต้องรู้
"ไทย" กลับมาเปิดตลาดอีกครั้ง และหลายธุรกิจแข่งกันยิงโปรโมชั่นต่าง ๆ สำหรับเทศกาลวันหยุด และการเตรียมการสำหรับปีใหม่นี้ ผู้บริหาร นักการตลาด และเจ้าของแบรนด์จะต้องเร่งค้นคว้าและหาข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคอีกครั้ง สำหรับการวางแผนการตลาดสำหรับปี 2565
ปัจจุบัน กลุ่มคนมิลเลนเนียล (Gen Y) เป็นกลุ่มประชากรที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก ซึ่งมีประชากรถึง 1,800 ล้านคนทั่วโลก คิดเป็น 23% ของประชากรทั้งหมด โดยทวีปเอเชียเป็น 1 ใน 4 ของประชากรกลุ่มมิลเลนเนียลของโลก เนื่องจาก Gen Z และ Gen Y ตอนปลาย เป็นกลุ่มคนหนุ่มสาวยุคดิจิทัล บางครั้งจึงมีความเชื่อผิด ๆ อย่างแพร่หลายว่าคนสองรุ่นนี้มีความคล้ายคลึงกันแทบจะทั้งหมด
ประชากรแต่ละรุ่นมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน การพัฒนาของโลกดิจิทัลมีอิทธิพลต่อพวกเขามาก ดังนั้น การทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินและทำความเข้าใจพฤติกรรมและอะไรคือแรงจูงใจที่สนับสนุนพฤติกรรมของผู้ซื้อ และแบรนด์นาว เอเชีย (Brandnow Asia) ได้ทำการวิจัยเบื้องต้นโดยมีข้อสรุปสาระสำคัญดังนี้
พัชรี พันธุมโน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบรนด์นาว เอเชีย ได้อธิบายว่า “ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างคนรุ่นก่อน ๆ คือคนรุ่นมิลเลนเนียล (Gen Y) เติบโตขึ้นมาในช่วงที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู และ Gen Z เติบโตขึ้นในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคของคนรุ่นต่อไป”
ในผลสำรวจนี้ ระบุว่า กลุ่มมิลเลนเนียล หรือ เจน Y คือ ประชากรที่เกิดในปี 2522-2538 ส่วนกลุ่มเจน Z คือ ประชากรที่เกิดในปี 2539-2552
คนรุ่นมิลเลนเนียล (Gen Y) ให้ความสำคัญกับการค้นหาหรือลองประสบการณ์ใหม่ ๆ ยอมจ่ายแพงกว่าถ้าได้รับการบริการลูกค้าระดับพรีเมียม ฝั่ง Gen Z ให้ความสำคัญกับการประหยัดเงินและค้นหาข้อเสนอที่ดีที่สุด คนรุ่นมิลเลนเนียล (Gen Y) มักจะชอบทำงานเป็นกลุ่ม สนุกกับการเข้าสังคม รักครอบครัว และต้องการการตอบสนองความของพ่อแม่
ด้าน Gen Z มีความสามารถเฉพาะตัว รักอิสระมากขึ้นเนื่องจากชอบการแข่งขัน พวกเขาต้องการจัดการและควบคุมสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวพวกเขาได้
ทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกันในที่ทำงาน คนรุ่นมิลเลนเนียล (Gen Y) มีแรงจูงใจจากเสรีภาพ ความยืดหยุ่นและโอกาสในการทำงานมากกว่ารุ่นพ่อแม่ของพวกเขา ในทางตรงกันข้าม (Gen Z) ต้องการความมั่นคงในการทำงาน และตั้งเป้าหมายได้รับเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสองเจนมีลักษณะที่เหมือนกันหลาย ๆ อย่าง ทั้ง Gen Y และ Gen Z มีกรอบความคิดของผู้ประกอบการ ซึ่งหมายความว่าพวกเขามีความคิดสร้างสรรค์ มีการสื่อสาร และมีแรงขับเคลื่อนสูง ในขณะที่อีกด้านยังเปิดรับความเสี่ยงและยอมรับความล้มเหลวได้
นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีความปรารถนาที่สร้างธุรกิจของตัวเอง ในฐานะที่เป็นตัวแทนยุคดิจิทัล ทั้งสองกลุ่มมีความสามารถในการทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้พร้อม ๆ กัน
พัชรี กล่าวว่า “กลุ่มประชากร Gen Y และ Gen Z” พวกเขารู้สึกว่าแบรนด์ควรให้ความสำคัญในความยั่งยืนมากกว่ามุ่งเน้นการขาย และควรส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์และจริยธรรมให้มากขึ้น รวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร แบรนด์ที่มีความสอดคล้องกับค่านิยมเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้นในการดึงดูดทั้งสองกลุ่มนี้