วิกฤติซ้ำ 'ดาราเทวี' ไร้ประกันภัย จับตา ‘ที่ดิน 150 ไร่’ ปมขัดแย้งรอบใหม่

โรงแรมหรูดาราเทวี เชียงใหม่ เผชิญวิกฤติซ้ำ เหตุไฟไหม้ เสียหายหนัก “ไร้ประกันภัย”  ยังตีมูลค่าความเสียหายไม่ได้ “IFEC”  ยันไม่กระทบธุรกิจ ขณะที่วงในจับตา ปมที่ดิน 150 ไร่ ทำเลทอง มูลค่าสูง ปราศจากภาระฟื้นฟู

โครงการโรงแรมหรู “ดาราเทวี เชียงใหม่” ใจกลางเมืองเชียงใหม่บนที่ดินกว่า 150 ไร่ มูลค่าลงทุนหลายพันล้าน ภายใต้ข้อพิพาท และปมขัดแย้งมายาวนาน ซึ่งปัจจุบันโรงแรมอยู่ในสถานะ “ปิดบริการ” และอยู่ระหว่างการจัดการทรัพย์สินจากกระบวนการล้มละลาย

Cr.โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่

โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ แจ้งเกิดในปี 2545  เริ่มก่อสร้างโดย นายสุเชฏฐ์ สุวรรณมงคล ดีลเลอร์รถอีซูซุรายใหญ่สุดในภาคใต้ ด้วยงบลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท มีห้องพัก 123 ห้อง ช่วงแรก บริหารงานโดยเชนโรงแรมหรูแมนดาริน กรุ๊ป แต่ต่อมายกเลิกสัญญา และบริหารเอง  ปลายปี 2558 บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เข้าซื้อกิจการโรงแรมดาราเทวี มูลค่า 2,520 ล้านบาท และเกิดปัญหาความขัดแย้งภายในบริษัทในช่วงปี 2559-2561 

ช่วงปี 2563 โรงแรมดาราเทวีได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 ประสบภาวะขาดทุน จนต้องปิดกิจการชั่วคราว

ต่อมายื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ แต่ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง ทำให้ต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย และ “ปิดกิจการถาวร” ตั้งแต่ปลายปีนั้นเป็นต้น ต่อมาปี 2564 กรมบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดโรงแรมดาราเทวี  ราคาเริ่มต้นประมูล 2,116 ล้านบาท

และ ปี 2566 บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีส เทอมอลพาวเวอร์ จำกัด หรือ IThermal ชนะการประมูลด้วยราคา 3,594.62 ล้านบาท แต่เกิดปัญหาฟ้องร้องต่อเนื่อง เนื่องจากไม่มีเงินมาชำระ  นำสู่ต้นปี 2567 ศาลล้มละลายมีคำสั่งแต่งตั้ง IFEC เข้าเป็นผู้ฟื้นฟูกิจการ

ต้นเดือนก.พ.2568 พื้นที่โรงแรมดาราเทวีได้รับการฟื้นฟู โดยเริ่มพัฒนาพื้นที่ด้านหน้าเป็นกาดดาราเทวีเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของเชียงใหม่ และจัดงานครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2568  ล่าสุด วานนี้ (23 เม.ย.68) เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในโรงแรมดาราเทวี บริเวณเรือนไม้ด้านหน้า โดยโรงแรมไม่ได้มีการทำประกันภัยไว้

ยัน “ดาราเทวี เชียงใหม่” ไฟไหม้ ไม่กระทบธุรกิจIFEC

นายทวิช เตชะนาวากุล ประธานกรรมการบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า กรณีเหตุการณ์ไฟไหม้ “โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่” นั้น จากรายงานของทีมงาน IFEC ที่เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ ดูพบว่าไฟไหม้ในส่วนที่เป็นพื้นที่ “สปา” ดังนั้น ความเสียหายจึงจำกัด ซึ่งในส่วนอื่นๆ ไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากในส่วนของตัวโรงแรมปิดบริการถาวร และถูกตัดน้ำตัดไฟฟ้า นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19

โดยในส่วนของโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ มีพื้นที่ 150 ไร่ ส่วนข้างหน้าเป็น ตลาดที่ยังมีการเปิดให้บริการปกติ โดยเฉพาะช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ของทุกๆ ปลายเดือน จะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ และเปิดให้บริการร้านอาหาร ซึ่งมีประชาชนมารับบริการต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในส่วนของภาพรวมธุรกิจของ IFEC ไม่รับผลกระทบ เพราะว่าโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ ปิดบริการถาวรมาตั้งแต่ปี 2563 หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งในส่วนของรายได้โรงแรมก็ไม่ได้ถูกนำมาบันทึกในส่วนรายได้ของบริษัท

ทั้งนี้ ด้านของประกันภัยของโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ พบว่าตั้งแต่เข้ามาบริหารธุรกิจของ IFEC ก็ไม่มีประกันภัยในส่วนของโรงแรมดังกล่าว

“โรงแรมดาราเทวี” ไร้ประกันภัย

จากกรณี เหตุเพลิงไหม้กลางดึก อดีตโรงแรมหรู 5 ดาว “ดาราเทวี เชียงใหม่” หน่วยกู้ภัยเร่งระดมทีมเข้าระงับเหตุ เบื้องต้นพบจุดเกิดเหตุเป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้ เสียหายหนัก ยังตีมูลค่าความเสียหายไม่ได้

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว ทาง สำนักงาน คปภ.ภาค1 (เชียงใหม่) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วเหตุการณ์ “ไฟไหม้โรงแรมดาราเทวี” ครั้งนี้ ไม่ได้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บขณะที่ทางโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ ไม่ได้มีการทำประกันอัคคีภัยเอาไว้เลย

ขณะที่ ทางบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ มีเป็นประกันความรับผิดต่อบุคคลภายนอก เท่านั้น โดยจดทะเบียนในชื่อ บริษัท สยามเอสเตท ดาราเทวี มีวงเงินความคุ้มครอง ความเสียหายต่อทรัพย์สิน ของผู้ได้รับความเสียหาย ทุนประกัน 1.5 ล้านบาท ,วงเงินจำกัดความรับผิด ทุนประกัน 1.5 ล้านบาท, ค่ารักษาพยาบาลที่ชดใช้ตามความเสียหายที่แท้จริง ทุนประกัน 200,000 บาท และ เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 2,000 บาท

Cr.โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่

ย้อนรอยมหากาพย์แห่งความขัดแย้ง

หากย้อนรอยมหากาพย์โครงการแห่งข้อพิพาท และความขัดแย้ง “โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่” ภายใต้การปลุกปั้นของนายสุเชฏฐ์ สุวรรณมงคล ดีลเลอร์รถอีซูซุ ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัว และมีทรัพย์สินจำนวนมาก กระทั่งประสบปัญหา และถูกตัดออกจากกองมรดกของตระกูล โดยเหลือเงินสดเพียง 120 ล้านบาท ก่อนย้ายไปเชียงใหม่ และเริ่มธุรกิจรีสอร์ต ตามด้วยซื้อร้านอาหาร “เลอ กอง” ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบันของดาราเทวี พร้อมทยอยเก็บซื้อที่ดินโดยรอบรวมได้กว่า 150 ไร่ โดยมีความฝันที่จะสร้างโรงแรม 

"การสร้างโรงแรมนายสุเชฏฐ์ ได้ซื้อไม้สักมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท แม้จะมีเงินเพียง 120 ล้านบาท เขาได้กู้เงินจากธนาคาร Nova Scotia ซึ่งเป็นเพื่อนให้กู้ 480 ล้านบาท ต่อมาธนาคาร Nova Scotia ได้รวมกับธนาคารธนชาต ซึ่งได้ให้การสนับสนุนเงินเพิ่มเติม 200 ล้านบาท พร้อมเงินจากธนาคารออมสิน และ Exim Bank อีก 200 ล้านบาท รวมเป็น 400 ล้านบาท"

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานโรงแรมดาราเทวี กลับไม่เป็นไปตามแผน ธนาคารธนชาต เข้ามายึดโรงแรม และนายสุเชฏฐ์ พยายามหาทุนใหม่ โดยได้ทุนจากจีนประมาณ 2,000 ล้านบาทเข้ามา แต่ก็เกิดความขัดแย้งกับทุนจีน ซึ่งร่วมมือกับบุคคลทางการเมือง ที่ต้องการจะยึดดาราเทวีเพราะมองว่าตัวโรงแรมเปรียบเสมือนทอง จึงหาทางออกใหม่โดยใช้กองทุน Global One เข้ามาช่วย และชนะฝั่งจีนไปได้

Cr.โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่

"หลังจากนั้น IFEC โดยคุณอารักษ์ สุขสวัสดิ์ และหมอวิชัย ได้เข้ามาซื้อดาราเทวีต่อจากธนชาต และนครหลวง Exim แต่ก็เกิดความขัดแย้งภายในระหว่างคุณอารักษ์ กับหมอวิชัย และคุณทวิช เตชะนาวากุล ได้เข้ามาในทีม IFEC และร่วมกับคุณอารักษ์ และสุดท้าย IFEC อยู่ในมือของคุณทวิช"

ต่อมา นายสุเชฏฐ์ และนายทวิช เกิดความขัดแย้งกันอีกครั้งเกี่ยวกับหนี้สินที่ต้องชำระ ทั้งสองฝ่ายมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันเป็นจำนวนมาก จนศาลมีคำสั่งให้ “ดาราเทวีล้มละลาย” นำไปสู่การขายทรัพย์ทอดตลาด IFEC ซึ่งเป็นเจ้าของเดิม และผู้ถือหุ้นอยู่ ได้ใช้สิทธิในการประมูลรอบแรก IFEC ประมูลได้ในราคาสูง แต่ไม่สามารถนำเงินมาชำระได้จึงถูกริบเงินประกัน การประมูลมีขึ้นหลายรอบจนสุดท้าย IFEC ก็ได้ทรัพย์นั้นไปในราคาประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า IFEC จะได้ทรัพย์จากการประมูล แต่ความขัดแย้งระหว่างนายสุเชษฐ์ และนายทวิช ยังคงอยู่  โดยมีการฟ้องร้องกันเกือบ 100 คดี ขณะที่โรงแรมดาราเทวีนั้นมีสภาพเป็นเพียงตึก และไม้ ข้างล่างเต็มไปด้วยขยะ การฟื้นฟูโรงแรมให้กลับมาอยู่ในระดับเดิมจะต้องใช้เม็ดเงินอย่างน้อย 800 ล้านบาท

จับตามูลค่าที่ดินขุมทองหลายพันล้าน

“แต่หลังจากเพลิงไหม้ สิ่งที่ยังคงอยู่คือ ที่ดิน 150 ไร่ ซึ่งมีมูลค่าสูงมาก การขยายตัว และการเติบโตของเมืองโอบล้อมที่ดินผืนนี้แล้ว ที่ดินสามารถนำไปพัฒนาเป็นอะไรก็ได้ หากขายที่ดินในราคาไร่ละ 10-20 ล้านบาท มูลค่ารวมจะสูงถึง 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าเงินที่ใช้ประมูลซื้อโรงแรม การเผาโรงแรมทำให้ไม่ต้องใช้เงิน 800 ล้านบาทเพื่อฟื้นฟู และ ไม่ต้องไปทะเลาะกับผู้ถือหุ้นของส่วนโรงแรมอีกต่อไป เพราะส่วนโรงแรมไม่มีอยู่แล้ว” แหล่งข่าวตั้งข้อสังเกตต่อไปว่า 

Cr.โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่

สาเหตุเพลิงไหม้นั้นมีความเป็นไปได้หลายแนวทาง ทั้งไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากขาดการบำรุงรักษามาเป็นเวลานานสภาพโรงแรมที่เต็มไปด้วยขยะ ย่อมเป็นเชื้อไฟ หรือแม้กระทั่งจงใจเผาโดยมีมูลเหตุจากความขัดแย้งทางธุรกิจ และมูลค่าของที่ดิน

ดังนั้น มูลเหตุของเพลิงไหม้อาจไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ แต่อาจมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับความขัดแย้งทางธุรกิจ การเงิน และการต่อสู้เพื่อครอบครองทรัพย์สิน โดยเฉพาะที่ดินมูลค่าสูง ซึ่งการที่โรงแรมถูกเผาทำให้มูลค่าของที่ดินปราศจากภาระในการฟื้นฟูโรงแรมที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก

ยืนยันโรงแรมไม่เสียหายทั้งหมด

แหล่งข่าวจากผู้บริหารโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุไฟไหม้โรงแรมดาราเทวี ขอยืนยันว่าโรงแรมดาราเทวี ไม่ได้ไหม้เสียหายทั้งหมด เนื่องจากได้รับความเสียหายน้อยมาก เฉพาะอาคารสปาเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 5% ของพื้นที่โรงแรม และแทบไม่มีผลต่อมูลค่าทางธุรกิจ 

ทั้งนี้จะเดินหน้ารีโนเวตโรงแรมดาราเทวีเพื่อกลับมาให้บริการเต็มรูปแบบอีกครั้ง ทยอยปรับปรุงแบ่งเป็น 2 เฟส โดยในเฟสแรกได้ทยอยเปิดให้บริการร้านอาหาร และเปิด กาดดาราเทวี เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เป็นตลาดบนพื้นที่สนามหญ้าของโรงแรมซึ่งดึงดูดคนมาท่องเที่ยวจับจ่ายเป็นจำนวนมาก และอยู่ระหว่างปรับปรุงห้องประชุมให้แล้วเสร็จภายในเดือนเม.ย.นี้ ส่วนเฟส 2 ทยอยปรับปรุงห้องพัก วางกำหนดทำให้แล้วเสร็จภายในปีนี้

“แม้จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ แต่ได้รับความเสียหายน้อยมาก และยืนยันว่าจะเดินหน้าทำโรงแรมดาราเทวี เพราะเป็นโรงแรมที่มีเสน่ห์ จึงมีความพร้อมกลับมาทำให้เป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ อีกครั้ง”

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์