วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ อยู่ในจุดลุ้นฟื้น ในทางกลยุทธ์ควรเริ่มขายทำกำไรหุ้นธนาคารและสื่อสาร
![วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ อยู่ในจุดลุ้นฟื้น ในทางกลยุทธ์ควรเริ่มขายทำกำไรหุ้นธนาคารและสื่อสาร](https://image.bangkokbiznews.com/uploads/images/md/2025/02/FSH16U9evsDeCBoPqFku.webp?x-image-process=style/LG)
เงินเฟ้อไทยออกมาตามคาด แต่ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญคือ GDP ไตรมาส 4/67 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) และ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ม.ค. เติบโต 1.32% yoy และ 0.83% yoy สอดคล้องกับที่ตลาดคาด
สาเหตุจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจากฐานต่ำในปีก่อน กอปรกับราคาอาหาร (+1.78 yoy) และ เครื่องดื่ม (+1.00 yoy) ที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ราคาสินค้าและบริการอื่นๆกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่คาดส่งผลสำคัญต่อตลาดจะเป็น GDP ไตรมาส 4/67 ที่คาดว่าจะประกาศ 17 ก.พ.68 ทั้งนี้การที่เศรษฐกิจช่วงธ.ค.ชะลอตัวลงจากพ.ย. อาจส่งผลกระทบต่อคาดการณ์ GDP ไตรมาส 4/67 (consensus คาด +3.7% vs กระทรวงการคลังคาด +4.3%) นอกจากนี้อาจส่งผลกระทบต่อการปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2568 (consensus คาด +3.0% vs กระทรวงการคลัง +3.0%)
ในเชิงกลยุทธ์ควรเพิ่มความระวังแรงขายทำกำไรกลุ่มธนาคาร: แม้ผลประกอบกลุ่มธนาคารออกมาตามคาด และยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ในทางกลยุทธ์เรามองควรพิจารณาเริ่มขายทำกำไรจากเหตุผลดังนี้ 1) กลุ่มธนาคาร เคลื่อนไหวดีกว่า (Outperform) SET Index 2) ไม่ได้รับผลดีจากนโยบาย Financial Hub (ซึ่งเป็นการเชิญชวนบริษัทต่างชาติ มาตั้งสำนักงานในไทย เพื่อให้บริการลูกค้านอกประเทศไทย) 3) การประกาศจ่ายปันผลที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลาย ก.พ. รับรู้ไปในราคาในระดับหนึ่งแล้ว (ขึ้น XD และจ่ายจริงประมาณ ปลาย เม.ย.-ต้น พ.ค.) 4) การเติบโตของสินเชื่อ และคุณภาพสินทรัพย์มีทิศทางอิงเศรษฐกิจ (GDP) ทำให้ราคาหุ้นอาจตอบรับเชิงลบ หากมีความเสี่ยงจากการปรับ GDP ลง (สภาพัฒน์ ประกาศ GDP ไตรมาส 4/67 วันที่ 17 ก.พ.68 นี้)
ตลาดหุ้นไทยเกิด De-rating จากภาพระยะกลาง ขณะที่ระยะสั้นถอยลงมาอยู่ในระดับ Valuation ที่น่าจะมีโอกาสเลือกรายตัว: บรรยากาศลงทุนหุ้นไทยชะลอตัวลงจากความกังวลโมเมนตัมเศรษฐกิจไตรมาส 4/67 ที่อ่อนกำลังลง อาจทำให้ GDP ปี 2568 ไม่ถึงเป้า 3.0% ส่งผลให้หุ้นหลายกลุ่มเกิด De-rating ลงแรง อย่างไรก็ตาม ในระดับปัจจุบันหุ้นหลายตัวเริ่มให้ผลตอบแทนปันผลในระดับ 5% ขณะที่ Valuation ลดลงมา
อยู่ในระดับที่ไม่สูงเกินไป เรามองกลยุทธ์จะเป็นการเลือกรายตัวที่มีความเสี่ยงต่ำ (งบดี / ไม่แพง / ปันผลสูง) ขณะที่อาจต้องระวังกลุ่มธนาคารและสื่อสาร อาจเริ่มมีแรงทำกำไรสลับ
ภาพรวมกลยุทธ์ ลงมาถึงโซนที่เริ่มมีลุ้น ควรทยอยขายทำกำไรธนาคารและสื่อสาร เลือกหุ้นที่ลงมาเยอะในกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เนื้อสัตว์) กลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูงเริ่มกลับมาน่าสนใจ // DR หุ้นจีนหลายตัวน่าสนใจ
แนวรับ: 1,250 แนวต้าน : 1,271-1,280 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• OSP (18): ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 คาดทรงตัว แต่ราคาปรับลดลงแรง จน ซื้อขายเพียง 16x PER ขณะที่ให้ผลตอบแทนปันผลประมาณ 5% ตัดขาดทุน 14.50 บาท
• BAM* (6.50): ราคาปัจจุบันซื้อขายเพียง 0.43x PBV และ 12x PER คาดผลตอบแทนปันผลที่ 5.5% ตัดขาดทุน 5.35 บาท
• M (20) : ราคาที่ปรับลดลงสะท้อนผลประกอบการที่ชะลอตัวไปแล้ว บริษัทปลอดหนี้ กระแสเงินสดอิสระที่ประมาณ 15% ทำให้มีโอกาสจ่ายปันผลสูง ตัดขาดทุน 16.00 บาท
• STAR5001 (34) : DR หุ้นจีน อิงดัชนี STAR50 ที่เป็นหุ้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีในตลาด SSE STAR Market ตัดขาดทุน 27 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- BoE หั่นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด
- สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด
- แหล่งข่าวเผย CPALL เล็งร่วมวงซื้อกิจการ Seven & I ในญี่ปุ่น
- INTUCH และ GULF จ่ายปันผลพิเศษ 6.54 บาท และ 1.01 บาท // XD 19 ก.พ.68
- ICHI ปั้นรายได้ปี 68 โตแตะ 9.5 พันลบ.ทำ All Time High ต่อเนื่อง ส่ง "อิชิตัน" สู่ Global Brand
- OKJ และบ.ย่อยปี 67 กำไรที่ 201.69 ลบ. เทียบกับปี 66 กำไรที่ 140.65 ลบ
- SJWD ปิดบิ๊กดีล "แอร์แคเรียร์" กว่า 1.8 พันลบ.โชว์ศักยภาพผู้นำโลจิสติกส์โซลูชันครบวงจร
- บทวิเคราะห์วันนี้ : BCP แนะนำ ซื้อ เป้า 45 บาท/ BSRC แนะนำ ศื้อ เป้า 8 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7 ก.พ. – US Non Farm Payrolls (Jan)/ US Unemployment Rate (Jan)