เกียรตินาคินภัทร มุ่งโต ’รายใหญ่-โรงแรม-เวลธ์’ เข้มปล่อยกู้รถยนต์
![เกียรตินาคินภัทร มุ่งโต ’รายใหญ่-โรงแรม-เวลธ์’ เข้มปล่อยกู้รถยนต์](https://image.bangkokbiznews.com/uploads/images/md/2025/02/qg02LylSBr2iRWO0ICRB.webp?x-image-process=style/LG)
‘เคเคพี’หวังปี68สินเชื่อฟื้น2% เร่งปรับพอร์ตมุ่งสู่สินเชื่อมีคุณภาพ ‘รายใหญ่-โรงแรม’ คาดโตเวลธ์2หลัก เอยูเอ็มเกิน1ล้านล้าน หนุนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยผงาด
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า ปี2567 เป็นปีที่สองติดต่อกันที่ผลประกอบการของ “เกียรตินาคินภัทร”ไม่ดี ผลกระทบจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ชะลอตัวต่อเนื่อง
จากอุตสาหกรรมรถยนต์อยู่ในภาวะวิกฤติ ราคารถมีความผันผวนและปรับลดลงอย่างมาก จากการเข้ามาแข่งขันของรถยนต์อีวี และรถสันดาป ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบต่อภาพรวมของธนาคาร เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อหลักของธนาคารเป็นส่วนใหญ่อยู่ในพอร์ต “เช่าซื้อ” ที่ส่งผลทำให้ธนาคารเผชิญกับปัญหาหนี้เสียและกระทบต่อต้นทุนเครดิต(Credit Cost)ของธนาคารต่อเนื่อง
ดังนั้นหวังว่าปี 2568 ภาพรวมธุรกิจของธนาคารจะปรับตัวดีขึ้น จากการมุ่งไปสู่ธุรกิจที่ยังสามารถเติบโตและสร้างรายได้ให้กับธนาคารต่อได้ โดยมองว่าปัจจุบันสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่นบ้าน อสังหาริมทรัพย์ ยังอยู่ในวิสัยที่บริหารจัดการได้ ส่วนสินเชื่อที่หลักประกันด้อยค้า เช่นเอสเอ็มอี ธนาคารก็มีพอร์ตที่เล็กมาก
“เชื่อว่า จากการเตรียมตัวของธนาคารตลอด 2ปีที่ผ่านมา โดยลดพอร์ตที่มีผลกระทบ มีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ๆมากขึ้น ทำให้ธนาคารจะยังมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะในธุรกิจเวลธ์ หรือ Asset management ที่เติบโตได้ต่อเนื่อง ในเซกเม้นท์ที่ลูกค้าเรายังมีกำลังเพียงพอ ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากนัก”
สำหรับภาพรวมสินเชื่อโดยรวมของธนาคาร คาดว่าจะเห็นกลับมาทรงตัว หรือขยายตัวเป็นบวกที่ระดับ 2% ได้จากปีก่อนที่ติดลบ 8% จากการระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อต่อเนื่องโดยเฉพาะในพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ ที่จะมีการคัดเลือกมากขึ้นทั้งกลุ่มลูกค้า ดีลเลอร์ ทำให้มองว่าจะได้กลุ่มลุกค้าที่มีศักยภาพเข้ามามากขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารจะมุ่งปล่อยสินเชื่อในกลุ่มที่มีศักยภาพมากขึ้น เช่นกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ ที่ยังมีความต้องการในขยายธุรกิจในต่างประเทศ ที่ยังคงมีศักยภาพต่อเนื่อง และได้รับผลกระทบน้อยจากเศรษฐกิจ รวมถึงพอร์ตโรงแรม ที่ยังเติบโตต่อเนื่องจากภาพรวมท่องเที่ยว ที่มีโอกาสเข้าไปเติบโตมากขึ้นจากปัจจุบันที่มีพอร์ตโดยรวมอยู่ที่ 2หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้มองว่า จากการชะลอตัวของสินเชื่อ ทำให้กระทบต่อรายได้ที่มาจากดอกเบี้ยมากขึ้น ทำให้ธนาคารต้องมีการมุ่งไปหารายได้เพิ่มขึ้นจาก ธุรกิจที่ไม่ได้มาจากดอกเบี้ยมากขึ้น เช่นธุรกิจ บริหารความมั่งคั่ง (Wealth) ที่คาดว่าสินทรัพย์ภายใต้บริหารจะเติบโตต่อเนื่องกว่า 1ล้านล้านบาทต่อเนื่อง หรือเห็นการเติบโตสองหลักในปีนี้
รวมถึง การเพิ่มรายได้ในส่วนค่าธรรมเนียมและบริการ ทั้งจากการเป็นตัวกลางในการให้คำปรึกษาทางการเงินต่างๆ ที่จะหนุนรายได้ของธนาคารให้เติบโตต่อเนื่อง
สำหรับเป้าหมายทางการเงินปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 4.8-4.9% สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 4.1-4.3% และต้นทุนเครดิต (Credit Cost) ที่ 2.20-2.40% และมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROEA) 9.0-10% จากปีก่อนที่ 8.4%
สำหรับแผนการซื้อหุ้นคืนของธนาคารนั้น ตอนนี้ธนาคารได้ซื้อหุ้นคืนครบตามจำนวนเรียบร้อยแล้ว พร้อมเตรียมแจ้งรายละเอียดกรณีดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
ส่วนวัตถุประสงค์การซื้อหุ้นคืน เพื่อลดต้นทุนธนาคารไม่ได้ตั้งใจขายคืน ส่วนจะมีการซื้อหุ้นคืนรอบใหม่หรือไม่ ต้องกลับไปดูเงื่อนไขต่างๆ แต่ทั้งนี้ จำนวนในการซื้อหุ้นคืน ต้องไม่เกินกำไรในแต่ละงวดด้วย