ตัวช่วยชีวิต คนไทยต้องรอด ด้วย Unplug Coding โดย คุณหญิง Coding
งานเสวนาที่พูดถึงหนังสือเล่มหนึ่งไว้ได้น่าสนใจ คือ ‘คุณหญิง Coding ถอดรหัสชีวิตคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช’ นำมาซึ่ง หลักคิด ช่วยชีวิตคนไทยในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี
บริษัท เคล็ดไทย จำกัด จัดงานเสวนาเปิดตัวหนังสือ คุณหญิง Coding ถอดรหัสชีวิตคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช บนเวทีกลาง งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และ สัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 วันที่ 4 เมษายน 2568 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ใจความสำคัญที่ได้รับจากการฟังเสวนาครั้งนี้ คือ การชี้ให้เห็นว่า ตัวช่วย หรือ ทางรอด ของคนไทยในยุคดิจิทัลนี้ คือ Unplug Coding นี่เอง
เริ่มต้นการเสวนาแนะนำหนังสือ ด้วยการพูดถึงที่มาของคำว่า Coding
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช กล่าวว่า ในปี 2562 เป็นนักการเมือง ต้องการให้คนมาเลือกพรรคของตัวเอง มีความรู้สึกว่า คนไทยพูดได้สองภาษาคือ ไทยและอังกฤษ ยังไม่พอ ต้องมีภาษาที่สามคือ Coding ด้วย จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้
Cr. Kanok Shokjaratkul
"โชคดีที่เลือกตั้งเสร็จได้ร่วมรัฐบาล เลยเสนอ Coding เป็นนโยบายให้เด็กนักเรียนทั้งประเทศได้เรียน ตั้งแต่ชั้นประถม มัธยม จนถึงมหาวิทยาลัย มีการอบรมครูทั้งประเทศ 4 แสนกว่าคน
Coding คือการคิดวิเคราะห์ อย่างมีเหตุมีผล เชิงตรรกะ แก้ปัญหาเป็นขั้นเป็นตอน เชิงวิทยาศาสตร์ เชิงคณิตศาสตร์ กล้าลงมือทำ ทำผิด ทำใหม่ได้
Cr. Kanok Shokjaratkul
มนุษย์ทุกคน มี Coding อยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ตระหนัก เราไม่ได้พัฒนา ไม่ได้ทำบ่อย ๆ ทำซ้ำ ๆ ถ้าเราใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ในทุก ๆ อย่าง เราก็จะเก่งขึ้น เผชิญปัญหาที่ยากขึ้นได้
โดยเฉพาะเด็ก จะต้องมีภูมิคุ้มกัน เพื่อจะอยู่ในโลกได้อย่างมีความสุข ถ้าไม่มีแล้วจะลำบากมาก คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต จะมี Coding สูง"
Cr. Kanok Shokjaratkul
มนุษย์ทุกคนคือ คอมพิวเตอร์ หนึ่งเครื่อง คุณหญิงกัลยา กล่าวไว้ว่าอย่างนั้น
"เรามี CPU (Central processind Unit) หน่วยประมวลผลกลาง คือ สมอง มี in put ป้อนข้อมูลเข้ามา ทาง ตา และ หู มี out put แสดงผลออกไป ทางปาก ทางมือ
ส่วน Coding คือการถอดรหัส เราเป็น Unplug Coding เพราะเราไม่ต้องเสียบปลั๊ก
การถอดรหัสคือ คิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล เชิงตรรกะ แก้ปัญหาเป็นขั้นเป็นตอน เชิงวิทยาศาสตร์ เชิงคณิตศาสตร์ กล้าลงมือทำ ทำผิด ทำใหม่ได้
ดิฉันพูดซ้ำ เพราะว่าทักษะนี้ทุกคนต้องมี บวกอีก 2 ทักษะที่เด็กต้องมี คือ อ่านและเขียนอย่างมีวิจารณญาณ"
Cr. Kanok Shokjaratkul
คุณหญิงเล่าว่า ได้ไปดูแลโรงเรียนพิเศษ 177 แห่ง ของกระทรวงศึกษาธิการ มีเด็กหลายประเภท อาทิ บกพร่องทางสติปัญญา, บกพร่องทางการได้ยิน, บกพร่องในการพูด
"เราใช้ Coding สอนเด็ก คุณครูต้องเพิ่มการสอนเพิ่มสมาธิ ให้เขาทำซ้ำ ๆ ล้างรถ เลี้ยงไก่ เลี้ยงไส้เดือน เอามูลมาใส่ปุ๋ย ก็มีรายได้ จนเขามีรถขายกาแฟไปในงานต่าง ๆ เขาชงกาแฟจนชำนาญ ทำรูปหัวใจไว้บนกาแฟด้วย
โรงเรียนที่พิษณุโลก 300 กว่าคน ในกระเป๋าของเด็กนักเรียนบกพร่องทางสติปัญญาจะมีสมุดเงินฝากอยู่ด้วย
นี่คือ Unplug Coding ไม่ได้เสียบปลั้ก ไม่ได้ซื้อเครื่อง เด็กทุกคนไม่ว่าระดับไหน สามารถพัฒนาได้
Cr. Kanok Shokjaratkul
ตอนเด็ก ๆ ชีวิตดิฉันไม่ยากลำบาก แต่ขาดแคลน เกิดที่อ.สี่คิ้ว จ.นครราชสีมา ไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้า ต้องไปหาบน้ำจากคลอง
เราไม่มีน้ำ เราจะทำยังไง เราต้องไปซักผ้าที่คลองตอนเช้า อาบน้ำเสร็จแล้วก็หาบน้ำกลับมาบ้าน กวนสารส้ม เพื่อให้มันตกตะกอน จะได้มีน้ำใช้
Cr. Kanok Shokjaratkul
นี่คือ Coding ตั้งแต่เกิด แต่เราไม่ตระหนัก เราไม่รู้ตัว เมื่อมาเป็นอาจารย์อยู่กระทรวงศึกษาธิการ จึงตกผลึกแล้วภาคภูมิใจว่า Unplug Coding นี้มีพลังมหาศาล ถ้าทุกคนพัฒนาชีวิตของแต่ละคน ก็จะเจริญก้าวหน้า
ดิฉันเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัด ไม่มีโรงเรียน ไม่มีห้องเรียน นั่งเรียนกับพื้น ไม่มีห้อง ป.1 ถึง ป.4 อยู่ศาลาเดียวกันเต็มไปหมด เราก็ต้องมีสมาธิ เป็นการฝึกสมาธิไปด้วย
Cr. Kanok Shokjaratkul
ดิฉันเอาน้ำฝนที่รองจากหลังคา ไปขายที่สถานีรถไฟ น้ำจ้าน้ำ น้ำจ้าน้ำ กระป๋องละ 1 สตางค์ ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยแต่มีรายได้ นี่คือการใช้ Coding โดยไม่รู้ตัว ถ้ามีผลไม้ก็ขายผลไม้ หลังเลิกเรียน และเสาร์อาทิตย์ ดิฉันเป็นเด็กชั้นประถมที่มีรายได้ตั้งแต่ยังเด็ก
โลกของเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ทุกคนต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนแผ่นดินไหว ไม่สามารถคาดคะเนได้ ว่าแผ่นดินจะไหวเมื่อไร แต่ถ้าเราพัฒนา Coding ของเราให้เก่งแล้ว เราก็พร้อมที่จะรับมือ
Cr. Kanok Shokjaratkul
คนมีเงินซื้อเครื่องเสียบปลั๊ก (เป็น plug Coding) ให้มันทำอันโน้น ทำอันนี้ให้ ทุกคนก็เห่อ อ๋อ เราไม่ต้องเรียนหนังสือก็ได้ เดี๋ยวเครื่องมันก็ทำให้
ซึ่งไม่จริง เราต้องพัฒนา Unplug Coding ของเราให้เต็มศักยภาพก่อน แก้ปัญหาได้ทุกอย่างแล้วจนเราไม่สามารถใช้ Unplug Coding ได้แล้วค่อยไปซื้อเครื่อง ให้เครื่องมาช่วยเราทำงาน"
Cr. Kanok Shokjaratkul
เด็กเล็ก 1-7 ขวบ ไม่ควรใช้แทบเล็ต ? คุณหญิงกล่าวว่า เด็กเล็กอายุ 1-7 ขวบ ทางวิชาการบอกไว้ว่า ไม่ควรใช้เครื่อง
เพราะเครื่องไม่มีชีวิต พ่อแม่ซื้อเครื่องให้ลูก พ่อแม่กำลังให้สิ่งไม่มีชีวิตเลี้ยงลูก ลูกก็จะไม่เป็นคน ไม่มีหัวใจ
Cr. Kanok Shokjaratkul
พ่อแม่คิดว่าเอาเครื่องนี้ให้ลูกแล้วลูกก็เงียบ ลืมไปว่า เครื่องนี้ไม่มีชีวิตจิตใจ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่มีความเป็นคน ควรเลี้ยงลูกด้วยใจ มากกว่าเลี้ยงลูกด้วยจอ
ถ้าเลี้ยงลูกด้วยจอ ลูกเราจะไม่เป็นคน แล้วพัฒนาต่อไปเป็นมนุษย์ก็จะยาก เด็กบางคนหมกมุ่นกับเครื่อง กับเกม จนกลายเป็นอาชญากรวัยใสโดยไม่รู้ตัว เพราะว่าพ่อแม่ไม่เคยให้ใจ ไม่เคยให้ชีวิตกับลูก
Cr. Kanok Shokjaratkul
เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่ถึง 7 ขวบ ควรจะอยู่กับมนุษย์ อยู่กับพ่อแม่ พ่อแม่เท่านั้นที่จะเยียวยาให้ลูกมีความสุขได้
เครื่องทำให้ลูกมีสมาธิสั้น กดแล้วมันไม่ขึ้นสักที กดแล้วมันไม่ตอบสักที หงุดหงิด ทำให้สมองไม่เกิดการพัฒนา เราจิ้ม ๆ ๆ ๆ มันก็ทำให้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ทำให้เสียสายตา
Cr. Kanok Shokjaratkul
หลายคนที่เลี้ยงลูกด้วยจอ ทำให้เป็น Disorder คือสมองทึบ แล้วถ้าเด็กไม่ได้เขียนหนังสือ ไม่ได้วาดรูปด้วยมือ ทางวิชาการนอร์เวย์บอกว่า ถ้าเราเอาแต่จิ้ม ๆ ไม่ได้เขียนด้วยมือ ไฟฟ้าในสมองมันไม่ได้วิ่ง ไม่มีส่วนความจำของเนื้อหาหรือส่วนความจำของภาพต่าง ๆ ทำให้เด็กโง่ไปได้ด้วยเช่นกัน
เคยมีคนเลี้ยงลูกจนโตด้วยไอแพด ทั้งแม่ทั้งลูก 5 ขวบ ต้องไปหาหมอ เนื่องจากกว่าไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เลย เพราะอยู่กับสิ่งที่ไม่มีชีวิต แม่ไม่รู้ว่ากำลังทำลายอนาคตลูก แม่ต้องมีเวลากับลูก แล้วลูกท่านจะเป็นคนปกติ แล้วพัฒนาเป็นมนุษย์ได้ต่อไป
Cr. Kanok Shokjaratkul
โลกดิจิทัล เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม โลกกำลังพิโรธ ยิ่งกว่าแผ่นดินไหว เพราะฉะนั้นเด็กต้องมีภูมิคุ้มกัน
ต้องมี Unplug Coding จะเล่น จะเรียน จะคิด จะหาคำตอบ ก็คิดวิเคราะห์ อย่างมีเหตุมีผล เชิงตรรกะ แก้ปัญหาเป็นขั้นเป็นตอน เชิงวิทยาศาสตร เชิงคณิตศาสตร์ กล้าลงมือทำ ทำผิด ทำใหม่ได้ อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
Cr. Kanok Shokjaratkul
ต่อให้โลกเปลี่ยนไปยังไงก็ตาม ถ้าเด็กของเรามี Unplug Coding ก็จะรับมือได้กับทุกสถานการณ์ พ่อแม่ก็ไม่ต้องห่วง เราจะตามไปเลี้ยงเขาจนโตก็ไม่ได้ ลูกเขาจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง ให้เขาเรียนสิ่งที่เขารัก มี Unplug Coding กับสติ เป็นภูมิคุ้มกันในศตวรรษที่ 21
หนังสือเล่มนี้มีรายละเอียดมากมาย ท่านสามารถอ่านแล้วย่อยให้แต่ละเรื่องแต่ละบทที่ดิฉันได้รวบรวมเอาไว้ให้เกิดประโยชน์กับตัวท่านทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เพราะเราจะต้องอยู่กับโลกดิจิทัล ช่วยท่าน ช่วยลูกท่าน ขอฝากหนังสือเล่มนี้ สร้างคุณประโยชน์ได้บ้าง แม้แต่คนเดียว ดิฉันก็จะดีใจและคิดว่าประสบความสำเร็จแล้ว"
Cr. Kanok Shokjaratkul
