ญี่ปุ่นฟ้องการค้าโลกโสมขาวแบนอาหารทะเล
ญี่ปุ่นร้ององค์การการค้าโลกให้จัดการความขัดแย้ง กรณีเกาหลีใต้สั่งห้ามนำเข้าสัตว์ทะเลที่จับในน่านน้ำใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมา
เจ้าหน้าที่กรมประมงเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นต้องการให้คณะกรรมการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชของดับเบิ้ลยูทีโอ ซึ่งดูแลเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร หารือเรื่องกฎระเบียบของเกาหลีใต้ที่เข้มงวดการนำเข้าอาหารทะเลจากหลายพื้นทางตอนเหนือของญี่ปุ่น หลังจากเดือนที่แล้วเกาหลีใต้ขยายคำสั่งห้ามนำเข้าสินค้าประมงของญี่ปุ่น ด้วยกลัวการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมา และผู้ปฏิบัติการโรงไฟฟ้ายอมรับว่ามีน้ำปนเปื้อนสารพิษในระดับสูงรั่วไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
คำสั่งห้ามนำเข้ามีผลต่อผลิตภัณฑ์จากฟูกุชิมา และอีกเจ็ดจังหวัดคือ อิบารากิ กันมา มิยากิ อิวาเตะ โทชิกิ ชิบา และเอโอมาริ ครอบคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู
เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าวเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นจะอธิบายต่อคณะกรรมการว่าอาหารทะเลของญี่ปุ่นผ่านการควบคุมความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานสากล และคำสั่งห้ามนำเข้าของเกาหลีใต้นั้นไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ แม้ว่าคณะกรรมการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชจะไม่มีอำนาจออกคำสั่งให้ต้องปฏิบัติตาม แต่ก็เป็นการดีกว่าสำหรับญี่ปุ่นที่ได้เห็นเกาหลีใต้สมัครใจยกเลิกคำสั่งห้าม มากกว่าจะฟ้องคดี เนื่องจากต้องใช้เวลาหลายปีในการระงับข้อพิพาท
เกาหลีใต้เป็นประเทศเดียวที่ขยายคำสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลญี่ปุ่นจากเหตุน้ำปนเปื้อนสารพิษ ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นหลังความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นยังคงตึงเครียด จากข้อพิพาทเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือสองหมู่เกาะ และพฤติกรรมของญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะสำนักงานกำกับดูแลนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น หรือเอ็นอาร์เอ แถลงว่า ญี่ปุ่นมีแผนเริ่มทำวิจัยร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศของสหประชาชาติ และประเทศอื่น ๆ ถึงผลกระทบของน้ำปนเปื้อนที่รั่วไหล ประธานเอ็นอาร์เอ โดยนายชุนอิจิ ทานากะ กล่าวกับคณะกรรมาธิการรัฐสภาว่า ระบบที่เชื่อถือได้สอดคล้องกับมาตรฐานโลกเป็นสิ่งจำเป็น หากญี่ปุ่นต้องการสร้างความมั่นใจต่อประชาคมโลก ว่าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลของตนนั้นปลอดภัย