น้ำเย็น ทำร้ายเรามากกว่าที่คิด
หมอนัทแห่งคลินิก ดิ อโรคยา เล่าถึงผู้ป่วยอาการอ่อนแรง แขนขาลีบ สืบถึงต้นตอพบสาเหตุมาจาก พฤติกรรมการดื่มน้ำเย็น-น้ำแข็งเป็นประจำ
ไตของเราคือเครื่องกรองน้ำอันน่าอัศจรรย์ที่ช่วยกรองของเสียจากเลือดของเรา ดึงเอาสิ่งสกปรกของเสียในเลือด ขับออกทางปัสสาวะได้อย่างไม่มีวันหยุด ปรับปรุงเลือด ที่มีแต่ของเสีย แล้วส่งต่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย อีกทั้งยังเป็นอวัยวะที่ช่วยขับดันเลือด ให้ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง แต่อวัยวะที่ทำงานให้กับเรา 24 ชั่วโมงแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีการบ่นใดๆ วันใดที่ไต อ่อนแอ ก็จะเริ่มส่งสัญญาณเตือนกับเรา เช่น
1. ปัสสาวะบ่อย อั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ ดื่มน้ำเข้าไปแล้วเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง กลางคืนต้องลุกขึ้นปัสสาวะหลายเที่ยว
2. มีอาการปวดเอว ปวดหลังอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานั่งนานๆ
3. ปวดเมื่อยตามข้อและร่างกายง่าย เช่น ตามข้อต่อ เข่า ต้นคอ
4. น้ำในเลือดเหลือน้อย จนทำให้หลอดเลือดแข็ง ตีบตันได้ง่าย
เมื่อมองในรูปของธรรมชาติบำบัด ด้วยเหตุของไตอ่อนแอนั้นจึงทำร่างกายของเรา(ธาตุดิน) อุ้มน้ำไว้ได้น้อยลง ธาตุดินในร่างกายจึงแข็งตึงปวดตามร่างกายได้ง่าย หากจะแก้ไข ก็ต้องเริ่มต้นที่การบำรุง ดูแลรักษาไตให้ดี มิเช่นนั้นไตก็จะเสื่อมไปตามวัย แต่ในปัจจุบันนั้น อาการน้ำในเลือดน้อยมิได้เกิดจากวัยที่ชราขึ้นเพียงอย่างเดียว โดยมากเกิดจากการ ทานอาหารผิดประเภท จนทำให้เกิดโรคร้ายแรงทางเลือดและหลอดเลือดขึ้นได้
สัปดาห์ที่ผ่านมาได้พบเจอคนไข้พี่น้องที่ทำให้ผมเศร้าใจ เพราะความประมาทในเรื่องอาหารการกิน ทั้งสองท่านเดินเข้ามาพบหมอด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แต่มีหนึ่งคนในนั้นซึ่งเป็นพี่สาว ที่ต้องใช้รถเข็น เข็นเข้ามาพบหมอเพราะร่างกายซีกซ้ายเริ่มจะอ่อนแรงลง ขาซ้ายยังพอมีแรง ขยับบ้างแต่เดินยังไม่ได้ มือและแขนซ้ายไม่มีแรงเลย เธอเอาแขนขวาหยิบแขนซ้ายโชว์ให้ดู
ผมจับดูกล้ามเนื้อแขนซ้ายเธอ ซึ่งก็เริ่มจะหายไปจนกลายเป็นเนื้อเหลวๆนิ่มๆ อ่านจากในสอบประวัติคนไข้ของพี่น้องทั้งสองคนก็มีพฤติกรรมที่ไม่ต่างกันคือ ทานแต่เนื้อสัตว์ ไม่ทานผักตั้งแต่เด็กๆ ที่สำคัญคือดื่มน้ำเย็น เป็นประจำตั้งแต่เด็ก ต้องน้ำเย็นเจี๊ยบจากตู้เย็น น้ำไม่เย็นทานไม่เป็น เพิ่งจะเริ่มหันมาทานอาหารสุขภาพ ก็เมื่อพี่สาวมีอาการอ่อนแรงครึ่งซีกซ้าย แต่ก็ยังคงมีพฤติกรรมทานน้ำเย็นอยู่เนืองนิจ
ก่อนที่จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้นร่างกายส่งสัญญาณเตือนมาหลายครั้ง เช่น มึนเวียนศีรษะง่าย มีแสงไฟแว๊บๆเวลากระพริบตา การพูดเริ่มติดขัด สุดท้ายมีอาการวูบกระทันหันต้องส่งเข้าโรงพยาบาล เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกครั้งซีกซ้ายก็ขยับไม่ได้เสียแล้ว หมอบอกว่านี่คืออาการเส้นเลือดตีบที่สมอง ในวัยเพียง 40 ปีเท่านั้น แล้วจะโทษใครเสียได้ นอกจากตัวของเราเองที่ทานแต่น้ำเย็นมาตลอดเวลา
การทานน้ำเย็นมากจนเกินพอดี สำหรับคนไทยนั้น ทำให้ไตและกระเพาะปัสสาวะต้องรีบ กำจัดความเย็นออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว ขับน้ำเย็นมากักเก็บไว้ที่กระเพาะปัสสาวะ เตรียมนำออกทางปัสสาวะ ทำให้ผู้ที่ทานน้ำเย็น ก็ยิ่งขาดน้ำ จนเลือดข้นหนืดไปหมด เจ้าเลือดข้นหนืดที่ล่ะครับที่ทำให้หลอดเลือดของเราเริ่มแข็งกระด้าง ไม่ยืดหยุ่น มีของเสียไปยึดเกาะตามผนังหลอดเลือด จนเกิดการพอกพูนกลายเป็น โรคหลอดเลือดตีบ ก็เพราะน้ำเย็นที่ทานเข้าไปเอง
เธอฟังแล้วหดหู่ใจ ที่แท้ก็เพราะน้ำเย็นแค่นั้นหรือ ที่ต้องทำให้ตนเองตกอยู่ในสภาพกึ่งคนพิการ น้องสาวของเธอที่เข้ามาด้วยกัน สมทบอีกว่า มิน่าล่ะ โรคนี้เป็นทั้งบ้าน ที่บ้านเราชอบกินน้ำเย็นกันทุกคน คุณแม่นอนของเรา นอนเป็นอัมพฤกษ์อยู่ที่บ้านเช่นกัน เหลือตัวดิฉัน กับพี่ชายอีกคนที่ต้องดูแล เป็นเพราะน้ำเย็นแค่นั้นเองหรือ ไม่น่าเลยจริงๆ หลังจากนั้นผมก็เจอคนไข้ที่ทานน้ำเย็นมากเกินไป จนป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบอีกสองท่าน ภายในวันเดียวกัน เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย
หากใครที่ยังทานน้ำเย็น นมเย็น กาแฟเย็น น้ำอัดลม น้ำหวาน ชาเย็น น้ำผลไม้แช่เย็น อยู่เป็นกิจวัตร ผมต้องขอเตือนแรงๆว่า ให้รีบไปทำประกันโรคหลอดเลือดไว้ได้เลยมีโอกาสได้ใช้สูง เมื่อเกิดอาการหลอดเลือดในสมองตีบแล้วอย่าเพิ่งท้อแท้ ยังมีวิธีแก้ไขทางธรรมชาติบำบัด
1. ปรับปรุงหลอดเลือดที่แข็งตึงให้กลับมายืดหยุ่นได้ดี ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติ ทานน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ ร่วมกับ กระเทียม หรือ ขมิ้นชัน 1 แคปซูล ก่อนอาหาร เช้าและเย็น 20 นาที
2. ปรับเลือดที่ข้นหนืดให้หายข้นหนืดด้วยการเพิ่มน้ำเข้ากระแสเลือด ทานน้ำเปล่าให้ได้ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อเติมน้ำกลับเข้าเลือด ทานยาน้ำตรีผลาหรือจตุผลาธิกะ ให้เลือดของเราสามารถอุ้มน้ำได้ดีขึ้น ช่วงแรกต้องอดทนกับการปัสสาวะบ่อยเสียหน่อย
3. ทำให้เลือดไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำในท่าที่สามารถทำได้ หรือใช้การนวดเท้า หรือ นวดตัวช่วยให้เลือดไหลเวียนสม่ำเสมอ
4. งดการทานน้ำเย็นเด็ดขาด
5. งดเนื้อสัตว์ใหญ่ เนื้อวัว หมู ของทอด ของหวานจัด เพราะทำให้ร่างกายเกิดอนุมูลอิสระปริมาณมาก จนหลอดเลือดแข็งตีบตันได้ง่าย
เมื่อหลอดเลือดของเรากลับมายืดหยุ่นได้ดี พร้อมทั้งจัดการกับของเสียที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดได้ เลือดดีจะกลับเข้าซ่อมแซมเซลล์สมองหากสมองส่วนนั้นยังไม่ฝ่อจนใช้การไม่ได้ เราก็ยังโอกาสหายจากโรคเส้นเลือดตีบที่สมองได้ ที่สำคัญคือไม่ควรกลับไปใช้วิถีชีวิตผิดๆอีก
******************
+ พบกับหนังสือเล่มใหม่ล่าสุด ที่สนพ.เนชั่นบุ๊คส์ หมอแดง หมอนัท ดิอโรคยา ร่วมกับ บุ๊คสไมล์ และเซเว่นอีเลฟเว่น ร่วมเผยแพร่หนังสือดีเพื่อคนไทย กับหนังสือ “ใครไม่ป่วยยกมือขึ้นเล่ม 3 ฉบับพกพา” หนังสือที่จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจถึงกลไกของร่างกายในการย่อยสลายอาหาร และขับถ่ายของเสีย เพื่อให้ร่างกายกลับเข้าสู่สมดุลของ หาซื้อเป็นของขวัญกันได้แล้ววันนี้ ที่บุ๊คสไมล์และเซเว่นอีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ เพียงเล่มละ 59 บาทเท่านั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2338 3702
+ หมอแดง (วีระชัย วาสิกดิลก) หมอนัท (ณัฐพล วาสิกดิลก) ผู้เขียนหนังสือขายดีติดอันดับ “ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น เล่ม 1”, “ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น เล่ม 2 ตอน สุก (ข) ที่แท้จริง”, “ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น เล่ม 3 ตอน โรคกระเพาะ กรดไหลย้อนหายได้” และ “คนไทยต้องไม่ป่วย”
+ ดิ อโรคยา คลินิกการแพทย์แผนไทย เป็นคลินิกที่ให้การรักษาและบำบัดโรคโดยใช้หลักธรรมชาติบำบัดที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของหลักการแพทย์ตะวันออก โดยใช้หลักการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนจีน และอายุรเวทเป็นรากฐาน โทรศัพท์ 0 2358 0050