เล่นหุ้นด้วยเงินเย็น สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน
คุณอยากเกษียณได้โดยไม่ต้องทำงานตั้งแต่ตอนนี้ไหม แค่คุณใช้เงินเย็นและเล่นหุ้นบลูชิพ คุณก็ไม่ต้องเสี่ยงกับอะไรอีกแล้ว
สุดาพร จันทร์วัฒนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจสินเชื่อบุคคล บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สุดาพรเล่าถึงกลยุทธ์ที่ทำให้ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนของเธอในวันนี้ เพียงพอรองรับวัยเกษียณที่กำลังจะมาถึง และที่สำคัญผลตอบแทนที่สร้างได้ในวันนี้สูงเกินกว่ารายได้ที่ได้รับจากการทำงานในปัจจุบัน!!!
สาวโสดวัย 55 ปีอย่างสุดาพร ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการเตรียมความพร้อมทางการเงินรับวัยเกษียณ ด้วยความที่เป็นนักบัญชีที่ผ่านมาทั้งธนาคารไทยและเทศเช่นธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารซิตี้แบงก์ ทำให้เธอศึกษาตัวเลขงบการเงินเป็น สามารถเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่มีผลการดำเนินงานที่ดี และบริหารเงินลงทุนด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาที่ปรึกษาเจ้าหน้าที่การเงินส่วนบุคคลหรือจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งแม้แต่น้อย
จุดเริ่มต้นการลงทุนของเธอเริ่มมาเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน หลังจากที่เรียนจบและผ่อนบ้านเสร็จเรียบร้อยมีเงินเหลือพอที่จะเริ่มลงทุนเพียงหลักแสนเท่านั้น แม้ว่าชีวิตโสด ไม่มีภาระในการเลี้ยงดูพ่อแม่หรือลูกหลาน จะทำให้เธอสามารถใช้จ่ายได้อย่างสุขสบายได้ แต่ด้วยตระหนักดีว่าต้องเริ่มเก็บเงินไว้เลี้ยงตัวเองอย่างสบายหลังเกษียณ
"พี่เป็นคนโสดโชคดีไม่ต้องใช้จ่ายอะไร ถ้ามีเงินก็เก็บ แต่บางครั้ง เราอยากเห็นอยากได้อะไรก็ซื้อ ไม่ได้เข้มกับตัวเอง เรียกว่า ทำมาหาใช้ ไม่มีลูกไม่มี ครอบครัว พ่อแม่ก็เสียหมดแล้ว ถ้ามีครอบครัวก็เก็บแบบนี้ไม่ได้ เป็นคนโสดก็ต้องมีเงินออมเงินส่วนหนึ่งเพื่อเลี้ยงตัวเองหลังเกษียณ"
เมื่อมีเป้าหมายว่าจะเกษียณอย่างสุขสบาย เงินก้อนที่มีอยู่จึงต้องกระจายความเสี่ยงตามหลักการที่สอนกันมาว่าอย่าเก็บไข่ไว้ตะกร้าเดียวกัน ด้วยการจัดสรรพอร์ตการลงทุนส่วนตัว นอกจากเงินออมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่เธอตั้งใจเก็บไว้เป็นเงินก้อนโดยไม่คิดแตะ เงินรายได้จากการทำงานที่เข้าบัญชีมาแต่ละเดือน สุดาพรจะแบ่งออกมา 50% สำหรับใช้จ่าย อีก 50% นำไปลงทุน ในจำนวนเงินลงทุนนี้เองเธอเลือกที่จะนำไปลงทุนในหุ้นครึ่งหนึ่งอีกครึ่งจะอยู่ในตราสารหนี้และเงินฝากประจำ ทั้งที่เป็นการลงทุนโดยตรงและผ่านกองทุนรวมและประกันสำหรับเป้าหมายในการลดหย่อนภาษีอย่างเต็มพิกัด
พูดได้ว่าเงินลงทุนของเธอกว่า 50% อยู่ในหุ้น แต่สุดาพรมองว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมและไม่คิดว่ามันเป็นความเสี่ยงแม้ว่าวัยของเธอกำลังเข้าสู่วัยเกษียณก็ตาม เพราะหลักการที่ยึดถือและใช้มาตลอดว่าเงินที่จะนำมาลงทุนหุ้นจะต้องเป็นเงินเย็นเท่านั้น เป็นหัวใจของความสำเร็จในการเล่นหุ้นในมุมมองของเธอ เพราะธรรมชาติของหุ้นที่มีขึ้นมีลง หากเข้าสู่ช่วงที่หุ้นมีความผันผวน เราจะไม่ตื่นตระหนกกับภาวะที่เกิดขึ้น และไม่จำเป็นต้องเทขายออกไป เมื่อแน่ใจว่าเป็นเงินก้อนที่เราไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สุดาพรจะนำไปลงทุนในหุ้นที่คัดสรรแล้วว่ามีพื้นฐานดี หรือหุ้นบลูชิพที่วางใจได้ว่าไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นมาก็สามารถถือไว้เป็นการลงทุนระยะยาวได้ และยังมีเงินปันผลให้ชื่นชมได้บ้างด้วยผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
กลยุทธ์การลงทุนหุ้นของสุดาพร คือ การบริหารพอร์ตตามจังหวะที่เหมาะสม เมื่อเห็นว่าราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ขายออกไปก่อนแล้วซื้อกลับเข้ามาใหม่มากกว่าซื้อหุ้นบลูชิพแล้วทิ้งแช่กินปันผล โดยเป็นไปตามทิศทางตลาดว่าในขณะนั้นกลุ่มอุตสาหกรรมใดมีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มแบงก์ สื่อสาร หรือพลังงาน ด้วยความที่ยังต้องทำงานในระดับบริหาร เธอไม่สามารถเฝ้าหน้าจอได้ตลอดเวลา แต่ด้วยความที่เล่นหุ้นมายาวนาน มีมาร์เก็ตติ้งที่รู้ใจ ในทุกเช้าเธอจะมีวินัยในการดูแลพอร์ตการลงทุนก่อนทำงาน และตั้งราคาซื้อขายไว้ครั้งเดียว
อีกเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จในการบริหารพอร์ตลงทุนของตัวเอง อย่างแรกสุดเมื่อตั้งใจว่าจะเล่นหุ้น คือทำความรู้จักกับหุ้นตัวนั้น ๆ ศึกษาฐานะการเงินของบริษัทว่าเป็นอย่างไรมีความมั่นคงน่าเชื่อถือหรือไม่ โดยเฉพาะเรทติ้งที่ได้รับ มากกว่าเลือกที่ผลตอบแทนสูง ๆ เพราะบางบริษัทที่มี เรทติ้งไม่ดี แต่ผลตอบแทนสูง ขณะที่อีกบริษัทดีกว่า ผลตอบแทนต่ำกว่า เพราะความเสี่ยงต่ำกว่า เข้าหลักการที่ว่า High Risk High Return และที่สำคัญคืออย่าโลภ
"เริ่มต้นลงทุนหลักแสน ก็หัดเอง ไม่มีใครสอน อ่านงบเอง เราอาจมีโชคทางด้านนี้ ถ้าตัวไหนไม่ชอบก็ไม่เอาเลย แม้จะดีแค่ไหน บอกมาร์เก็ตติ้งว่าไม่ต้องมายุ แม้จะครึ่งหนึ่งของเงินออมจะลงทุนในหุ้น แต่พี่ก็เลือกบลูชิพ ที่มีผลตอบแทนดี เราไม่ลงตัวเล็กย่อย หรือตามกระแส ไอพีโอก็เลือก ถ้าไม่ชอบก็ไม่เอา ขึ้นกับการตัดสินใจของเราไม่ใช่ว่ามาร์เก็ตติ้งแนะนำก็ต้องตาม เดี๋ยวนี้หุ้นไอพีโอไม่เหมือนเมื่อก่อนเข้ามาก็แป๊ก เราก็ต้องดู ถ้าเล่นบลูชิพก็ไม่เห็นต้องเสี่ยง เก็งกำไรเราไม่เอาและใช้เงินเย็น เก็บมาเป็นสิบปีใหญ่พอที่จะเล่นได้ แต่คนที่เพิ่งมาเล่นช่วงใกล้เกษียณ อาจจะเงินไม่เยอะ พี่เล่นมา 20 ปี สะสมมาเรื่อย ๆ พอร์ตก็โตขึ้น"
สำหรับเงินฝากประจำสุดาพรมีไว้สำหรับขอวีซ่าเวลาไปเที่ยวต่างประเทศเท่านั้น และเลือกไปลงทุนในตราสารหนี้ทั้งรัฐและเอกชน โดยเฉพาะบริษัทที่มีเรทติ้งดีพื้นฐานมั่นคง ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากประจำ ส่วนการลงทุนอื่น ๆ อย่างทองน้ำมันเธอไม่นิยม ด้วยความที่เมีความผันผวนสูงจนตามไม่ทัน แต่ยอมรับว่าเริ่มมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยซื้อคอนโดมิเนียมเก็บไว้บ้าง หากในอนาคตมีจังหวะเหมาะสมก็ขายออกได้ โดยเลือกซื้อในทำเลที่ดีเท่านั้น
เธอบอกว่าผลตอบแทนที่หวังในการลงทุนส่วนตัวนั้น เธอไม่ได้คาดหวังสูงมากนัก เพียงแค่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำก็เท่านั้น แต่เล่นหุ้นสร้างผลตอบแทนได้ 2 ต่อ คือทั้งราคาขึ้นและเงินปันผล 2 เด้ง ซึ่งรวม ๆ แล้วที่ผ่านมาเธอได้ผลตอบแทนในระดับมากกว่า 10% และที่สำคัญด้วยพอร์ตที่ใหญ่พอผลตอบแทนการลงทุนทุกวันนี้สูงกว่ารายได้จากการทำงาน สามารถเกษียณโดยไม่ต้องทำงานได้ตั้งแต่ตอนนี้ แต่เธอเลือกที่จะทำงานควบคู่การลงทุนต่อไป เพราะเชื่อว่าตลาดไม่ได้ดีไปตลอด ความเสี่ยงยังมีอยู่ ดังนั้นถ้าจะเล่นหุ้นต้องเงินเย็นหากตลาดหุ้นลงแรงคนตกใจกลัวเทขาย ขาดทุนก็หมดกำลังใจเล่น เพราะงั้นเงินที่มาเล่นต้องไม่เดือดร้อน
"เด็กสมัยใหม่ที่อยากเล่นหุ้นต้องดูว่าในรายได้ 100 บาท มีค่าใช้จ่ายเท่าไร มีเงินออมเท่าไร ในเงินออมที่มี บางคนอาจเก็บไว้ฉุกเฉิน หากอยากได้ผลตอบแทนดีมาเล่นหุ้น แต่ถ้ากันเงินออมออกมาไม่ได้จริง ๆ ก็ลงเยอะไม่ได้ เกิดฉุกเฉินจะไม่มีใช้ แล้วถ้าหุ้นราคาตกต้องเทขายหุ้นออกมา ถึงบอกว่าต้องเป็นเงินเย็น และประเภทที่กู้มาเล่นหุ้นเลิกเลย เกิดตลาดแพนิค เจอฟอซเซลก็ขาดทุน เจ็บใจด้วย หากขาลงก็มาดูหุ้นกู้เลือกบริษัทใหญ่เชื่อถือได้ พื้นฐานดี" สุดาพรให้คำแนะนำทิ้งท้าย