ตรุษจีนสะพัด5หมื่นล.ผู้บริโภคห่วง'ของแพง'

ตรุษจีนสะพัด5หมื่นล.ผู้บริโภคห่วง'ของแพง'

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยโพลล์ตรุษจีนปีนี้ คาดสะพัด5หมื่นล.ผู้บริโภคห่วงของแพง สำรวจเมนูอาหารถูกในห้าง ชาวบ้านโวยมีอาหารให้เลือกน้อย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองคณบดีฝ่ายวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคช่วงเทศกาลตรุษจีน จากกลุ่มตัวอย่าง 1,282 ราย พบว่า ค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดอยู่ที่ 5.04 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.71% ที่มีมูลค่าค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 4.77 หมื่นล้านบาท


“อัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนม.ค. พฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผลสำรวจออกมาเหมือนกันว่าผู้บริโภคยังระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วตรุษจีนปีนี้น่าจะขยายตัวได้ 7-10%” นายธนวรรธน์ กล่าว


นอกจากนี้ยังสำรวจถึงทัศนะเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไปที่ผู้บริโภคมีความเป็นห่วงมากที่สุด โดยส่วนใหญ่ 25.8% มีความเป็นห่วงด้านเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวล่าช้า รองลงมา 21.8% ห่วงเรื่องข้าวของราคาแพง 18.7% ห่วงปัญหาคอร์รัปชัน 17.4% ห่วงด้านการเมือง


นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สิ่งที่ภาคเอกชนและผู้บริโภคกังวลคือ เครื่องจักรในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่เดิน และการส่งออกของไทยในปีนี้ยังไม่โดดเด่น เนื่องจากประสบปัญหาค่าเงินบาทอ่อนตัวน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่ค้า ประกอบกับภาคการส่งออกไทยยังเจอปัญหาเรื่องการถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษี (จีเอสพี)


อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลไม่เร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้ออกมาในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ และบริหารจัดการค่าเงินให้อยู่ภายใต้กรอบ 33 บาทต่อดอลลาร์ เพื่อเอื้อต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาสดใส ก็อาจทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวอยู่ที่ 2-2.5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3-3.5% และอาจทำให้ทั้งปีนี้มีโอกาสโตต่ำกว่าที่คาดไว้ 3-3.5% ได้


นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมการจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จราคาถูกภายใต้สัญลักษณ์ “หนูณิชย์พาชิม” ณ ศูนย์อาหารชั้น 6 ห้างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ว่า จากการตรวจสอบพบว่าห้างมีการจำหน่ายอาหารใน 10 เมนูแนะนำ เช่น ข้าวกระเพรา ก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า และผัดซีอิ้ว เป็นต้น ในราคาเมนูละ 40 บาท ตามที่กรมฯ ได้ขอความร่วมมือ ซึ่งจะช่วยในการลดค่าครองชีพในการบริโภคอาหารให้กับประชาชนที่มาเลือกซื้อสินค้าภายในห้าง


“ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ได้รับรายงานว่าประชาชนให้ความสนใจในการเข้าไปบริโภคอาหารปรุงสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยขอให้สังเกตป้ายสัญลักษณ์หนูณิชย์พาชิม ที่จะติดไว้ข้างๆ ร้านที่เข้าร่วมโครงการ”นายบุณยฤทธิ์กล่าว


ทั้งนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมฯ และผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ออกตรวจสอบภาวะการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งในตลาดสด ห้างค้าปลีกค้าส่ง สรรพสินค้า เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.2558 เป็นต้นไป


รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบการจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จในโครงการที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับห้างค้าปลีก ค้าส่ง และห้างสรรพสินค้า พบว่า ห้างที่แสดงความจำนงร่วมมือ ได้เปิดจุดจำหน่ายอาหารจริง แต่อาหารที่นำมาจำหน่าย จากการสอบถามผู้ที่เข้าไปบริการ ได้รับข้อมูลว่า มีอาหารให้เลือกน้อย และบางห้าง อาหารมีนิดเดียว จำหน่ายได้ไม่นานอาหารก็หมด ทำให้ต้องไปเลือกบริโภคอาหารในฟู้ดคอร์ทของห้างที่มีราคาแพงเหมือนเดิม