'ไพบูลย์'เรียกประชุมติดตามคดีม.112
"ไพบูลย์"เรียกประชุมติดตามคดี 112 ปรับลดผู้ต้องหาตามหมายจับเหลือ 30 ราย เร่งขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามมาตรา112ว่าที่ประชุมได้พิจารณาหมายจับผู้ต้องหาที่หลบหนีไปต่างประเทศทั้งในแถบยุโรปและประเทศเพื่อนบ้านจากเดิมที่มีการประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนผู้ต้องหาจำนวน40ราย แต่ล่าสุดที่ประชุมปรับลดเหลือ30ราย ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับแล้วส่วนอีก1รายอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุมัติหมายจับ โดยรัฐบาลยืนยันต้องการตัวบุคคลเหล่านี้กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยจึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการอย่างจริงจังแม้บางประเทศจะติดขัดข้อกฎหมายก็ขอให้ทำความเข้าใจว่าคดีดังกล่าวไม่ใช่คดีหมิ่นประมาท ไม่ใช่คดีการเมือง
แต่เป็นคดีเกี่ยวข้องกับความมั่นคงที่ส่งผลกระทบกับคนไทยทั้งประเทศหลังจากนี้เชื่อว่าการสอบสวนปราบปรามจะทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) บังคับให้ต้องลงทะเบียนเบอร์โทรศัพท์ (ซิมการ์ด) ทุกระบบ เพื่อพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้โทรศัพท์แต่ละเลขหมายจะทำให้สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติที่มีข้อมูลภาพรวมความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ สามารถกำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติงานได้ชัดเจน อย่างไรก็ตามจากการทำงานอย่างจริงจังทำให้สามารถปิดกั้นเว็บไซต์ได้เพิ่มกว่าเท่าตัว
"สำหรับเอนก ซานฟราน เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับ 30 ราย ซึ่งไทยต้องการตัวกลับมาดำเนินคดี เมื่อนายเอนก เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุปาระเบิดใส่ศาลอาญา ซึ่งเป็นคดีก่อการร้ายที่ต่างประเทศจัดเป็นคดีสากล อาจทำให้การส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนทำได้มากกว่าคดี 112 ดังนั้นจึงสั่งการให้หน่วยงานต่างๆเร่งตรวจสอบว่าผู้ต้องหาทั้ง 30 ราย มีหมายจับในคดีอื่นนอกเหนือจากคดี 112 หรือไม่"พล.อ.ไพบูลย์กล่าว