‘จา พนม’ ยันไม่ลืมบุญคุณ ปัดปัญหาสหมงคลฟิล์ม
โทนี่ จา หรือ "จา พนม ยีรัมย์" ไม่ขอพูดเรื่องอดี ตยันไม่เคยลืมบุญคุณใคร ปฏิเสธตอบปัญหาสัญญากับสหมงคลฟิล์ม รับครอบครัวอยู่ในใจเสมอ
หลังจากกลับมาโปรโมทภาพยนตร์ไทย เรื่อง "skin trade คู่ซัดอันตราย" สำหรับยอดนักบู๊อย่าง "จา" พนม ยีรัมย์ หรือ "โทนี่ จา" ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยออกมาเคลียร์ปัญหาเรื่องราวต่างๆ ทั้งเรื่องครอบครัว และเรื่องสัญญากับสหมงคลฟิล์ม อดีตต้นสังกัด มีโอกาสเจอตัวในงานแถลงข่าวภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ณ ห้องฉัตรา โรงแรมสยามเคมปินสกี้ สอบถามได้ความดังนี้
"เรื่องสัญญากับสหมงคลฟิล์ม อดีตก็คืออดีต ความสำเร็จในเมืองไทย เป็นอีกก้าวหนึ่ง สหมงคลฟิล์ม เป็นผู้มีพระคุณ ผมนึกอยู่เสมอว่า ผมจะทำอะไรให้กับประเทศไทยได้ และจะทำยังไงให้เป็นพลังบวก ในเมื่อโอกาสมา ผมต้องพัฒนาต่อไป ถ้าเราหยุดอยู่กับที่ ท้อถอย ก็จะไม่มีวันนี้เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่ผมทำในวันนั้น ก็คือวันนี้ มันเป็นการต่อยอด (คดีความฟ้องร้อง) ผมมาแถลงข่าวภาพยนตร์ ผมไม่ขอชี้แจงอะไร ถามว่าได้คุยกับเสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) หรือยัง ผมไม่ขอชี้แจง เราตั้งใจว่ามาที่นี่เพื่อจะมาแถลงเรื่อง skin trade และมาบอกว่า ผมได้ไปทำอะไรมาบ้าง และถ้าผมพูดอะไรที่เป็นทางลบ จะฉุดดึงกัน มันไม่สร้างสรรค์ และผมคิดว่าอดีตคืออดีต เราต้องเดินหน้าต่อไป (เรื่องครอบครัวยังไม่ได้เคลียร์) ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในใจผมตลอด พ่อแม่อยู่ในใจ ผมไม่เคยลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่ผมทำ คือทำเพื่อทุกคน หน้าที่ ที่ผมทำมันยิ่งใหญ่มาก พอผมมองย้อนกลับมาที่เมืองไทย เรื่องมันเล็กนิดเดียว ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน มันยิ่งใหญ่สำหรับผมนะ เพราะผมฝันมาตั้งแต่เด็กแล้วว่า อยากให้มวยไทยออกสู่ตลาดโลก และผมไปยืน ณ จุดนั้น และผมคิดว่าเราคิดถูกแล้ว" จา กล่าว
นอกจากนี้ นักบู๊คนดังยังได้บอกด้วยว่า 2 ปีที่ผ่านมา เขาได้ไปต่างประเทศ เพื่อเตรียมงานทำหนัง และเรียนภาษาอังกฤษ
"ผมอยู่ที่แอตแลนตา และลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ในกองถ่ายผมก็ฝึกภาษา คิดคิวแอ็กชั่นอยู่ที่โน่น ถามว่าตอนนี้ผมเซ็นสัญญากับค่ายไหน ยังไม่ได้เซ็น ผมมีที่ปรึกษา และผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนคือคุณไมเคิล เซลบีย์ เป็นคนให้คำปรึกษาและให้โอกาสเราในการไปทำงานที่ฮอลลีวู้ด เส้นทางโกอินเตอร์ไปได้ดีมาก ชีวิตมีความสุขดี เราได้เปิดโอกาสให้กับตัวเอง เรียกว่าเป็นห้องเรียนในการเรียนรู้ระบบถ่ายทำถาพยนตร์และได้สร้างมิตรภาพกับผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ ผมภาคภูมิใจ ถามว่าผมไปอยู่ที่โน่นได้มีโอกาสสอนคิวบู๊ให้ใครบ้าง มีวิน ดีเซล และเจสัน สเตแธม เราแลกเปลี่ยนความรู้กัน เขาได้รู้จักมวยไทย อาหารไทย และวิถีของความเป็นไทย ส่วนภาพยนตร์ของผมในตอนนี้ที่กำลังจะเข้าฉาย มี fast and furious 7, skin trade และ spl ภาค 2 นอกจากนี้ เราดูเรื่องบทอีกหลายเรื่อง (ค่าตัว 100 ล้าน) เอาเป็นว่าชีวิตดีขึ้น มีความสุข" จากล่าวทิ้งท้าย