พท.ยันรัฐบาล'ยิ่งลักษณ์'จ่ายเงินเยียวยาถูกต้อง
แกนนำเพื่อไทย ยัน "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" จ่ายเงินเยียวยาไม่ผิด ยกความเห็นกฤษฎีกาชุด "วิษณุ" บอกทำได้
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ ครม. รวม 34 คน ที่มีเห็นชอบให้ใช้เงินงบกลางจำนวน 2,000 ล้านบาท จ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองระหว่างปี 48-53 ว่า การจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง เป็นการปฏิบัติไปตามคำแนะนำของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความปรองดองแห่งชาติ(คอป.) อีกทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 2 ที่มีนายวิษณุ เครืองาม เป็นประธานในขณะนั้น ได้ให้ความเห็นเรื่องเงินงบกลางว่าเป็นรายจ่ายที่ตั้งสำรองไว้เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินของ ครม.ที่จะสามารถจัดสรรงบดังกล่าวไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์สาธารณะตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงการแก้ไขปัญหา หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ของประเทศในกรณีจำเป็น หรือกรณีฉุกเฉิน
“จึงเป็นเรื่องทางนโยบายที่อยู่ในอำนาจของ ครม ที่จะพิจารณาให้ความเห็นชอบการจ่ายในอัตราหลักเกณฑ์ และวิธีการได้ ตามความเหมาะสม แบบนี้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผิดได้อย่างไร เรื่องเดียวกันนี้ศาลปกครองกลางเคยพิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่าเป็นอำนาจของ ครม. ตกลงเอากันอย่างไรประเทศนี้ ผมขอเปรียบเทียบการจ่ายเงินรางวัลให้กับผู้ที่มายึด อำนาจจากประชาชน ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งอนุมัติรางวัลให้ โดยใช้เงินไปอย่างต่ำ 5 หมื่นล้านบาท มากกว่าที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์อนุมัติไปถึง 25 เท่า คือการเห็นชอบให้เลื่อนเงินเดือนพิเศษ 2 ขั้น ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติ งานใน คสช. รวมถึงการให้ข้าราชการทหารในสังกัดกระทรวงกลาโหม และทหารกองประจำการที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตที่ได้ ประกาศกฎอัยการศึก ได้รับสิทธินับเวลาราชการเป็นทวีคูณ” นายวัฒนา กล่าว
นายวัฒนา กล่าวอีกว่า ตนน้อยใจแทนรัฐบาลที่มาจากประชาชนที่อนุมัติเงินงบกลางเพียง 2,000 ล้านบาท จ่ายชดเชยเยียวยาแก่ประชาชนที่บาดเจ็บล้มตายโดยไม่เลือกปฏิบัติ แต่กลับถูกคนของพรรคการเมืองหนึ่งไปร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินคดี ตนว่าการอนุมัติสองขั้นกับทวีคูณให้คนที่มายึดอำนาจ มีเหตุผลน้อยกว่าที่เยียวยาประชาชนอีก กลายเป็นพวกเราถูกยึดอำนาจแล้วยังต้องถูกบังคับให้จ่ายค่ารถและรางวัลให้กับคนที่มายึดอำนาจอีก มากไปหรือไม่ ที่สำคัญคนอนุมัติใน ครม. กับคนได้รับผลประโยชน์ยังเป็นคน ๆ เดียวกัน แบบนี้ถือเป็นกรณีจำเป็น และฉุกเฉิน ไม่เป็นการขัดกันซึ่งผลประโยชน์ มีกรอบกฎหมายรองรับ ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เป็นการเอาเงินงบประมาณแผ่นดินไปใช้เพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง จำนวนเงินไม่สูง เป็นไปตามวินัยการเงินการคลังทุกประการแล้วใช่หรือไม่“