'สุริชัย'ของผู้นำหนักแน่นช่วยสร้างบรรยากาศปฏิรูป
"สุริชัย"ขอ"ผู้นำ"’ต้องอารมณ์หนักแน่นช่วยสร้างบรรยากาศปฏิรูป ด้าน“สปช.”ชี้คอรัปชั่น-ศักดินาทำให้แก้เหลื่อมล้ำยาก
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) จัดการประชุมวิชาการหัวข้อ "ปฏิรูประบบสุขภาพและชีวิต ปฏิรูปจิตสำนึกประชาธิปไตยในโอกาส 9 ปี สช. ณ ศูนย์ประชุมอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยโดยมีการเปิดเวทีเสวนาหัวข้อ "ลดความเหลื่อมล้ำ ทางออกที่ต้องไปให้ถึงของประชาธิปไตยไทย"
โดยนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ สมาชิกปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนาว่า ประเทศไทยติดกับดักความเหลื่อมล้ำทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน และประชาชน และประเทศไทยนอกจากมีประเด็นความเหลื่อมล้ำแล้วยังมีปัญหากับดักคอรัปชั่นและกับดักของวัฒนธรรมดั้งเดิม คือ การมีอภิสิทธิ์ชน ศักดินานิยม อุปถัมป์นิยม ที่เป็นปัญหายากของสังคมไทย ซึ่งทั้งสามส่วนทำให้สังคมไทยเสื่อมถอย จึงเป็นที่มาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ที่มองเห็น36วาระในการปฏิรูป ที่กำหนดว่าจะทำอย่างไรที่จะลด3สิ่งต่อไปนี้ คือการลดการทุจริตคอรัปชั่น การลดความเป็นอภิสิทธิ์ชน และลดความขัดแย้ง และทำอย่างไรที่จะทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีก่อน เพราะ ถ้าประชาชนมีชีวิตดีเขาก็รักดีก็จะมีการศึกษาที่ดี เราก็จะมีพลเมืองที่ตื่นตัว เมื่อพลเมืองตื่นตัว ไม่เฉื่อยชา ประชาธิปไตยที่ดีก็จะมาของมันเอง
นายสุวิทย์ กล่าวอีกตอนหนึ่งว่า ปัจจุบัน 4สถาบันเสาหลักที่ค้ำจุนโลกในศตรรษที่ผ่านมาเริ่มไม่สามารถตอบโจทย์พลวัตโลกในศตวรรษที่21 คือ 1.ประชาธิปไตยเปลี่ยนเป็นธนาธิปไตย 2.ทุนนิยมเปลี่ยนเป็นทุนนิยมสามาน 3. ประชาสังคม มีการเสื่อมถอย และ4.นิติรัฐก็เปลี่ยนเป็นสังคมสองมาตรฐาน ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านการเมืองต้องสร้างความเข้มแข็งของภาคประชาชน ประชาธิปไตยระดับตัวแทนในระดับสังคมจะเชื่อมโยงกับประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ที่จะนำมาสู่การสร้างการศึกษาการสร้างคน เพื่อให้ได้พลเมืองที่มีความตื่นตัว แทนการมีพลเมืองที่เฉื่อยชา
ด้านนายสุริชัย หวันแก้ว อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวตอนหนึ่งว่า ตอนนี้เรามีสถานการณ์พิเศษ มีรัฐบาลพิเศษ ที่ความชอบธรรมอยู่ภายใต้สถานการณ์พิเศษสืบเนื่องมาจากความขัดแย้งที่คุยกันให้รู้เรื่องไม่ได้ เพราะเรามีความขัดแย้งที่มีฝ่ายการเมืองที่ไม่บันยะบันยัง อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำมีความสลับซับซ้อนที่มองไม่เห็นด้วยตาเราไม่ควรรอให้เรารวยก่อนถึงจะแก้ปัญหาเพราะเราจนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสติปัญญา ดังนั้นอย่าเอามิติของรายได้การจำกัดในการแก้ปัญหา
นายสุริชัย กล่าวด้วยว่า ตนคิดว่าการห้ามพูดแสดงความคิดเห็นทำให้เราไม่รู้ความทุกข์ยากของลูกหลานเรา ดังนั้นคิดว่าควรจะต้องเปิดช่องให้คนหายใจ เปิดให้มีโอกาสในการถกกัน เพื่อสร้างความหวัง เพราะถ้าจะสร้างบ้านเมืองต้องสร้างโอกาสให้คนมีความหวัง ต้องเคารพความเป็นคนของทุกคน หากเรายอมรับว่าจะต้องสร้างโอกาสให้เสมอกันในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ก็จะต้องอาศัย “ความหนักแน่นทางอารมณ์ของผู้นำ” ช่วยกันข่มใจและมีวินัยในการสร้างโอกาสร่วมกันเพราะโอกาสไม่ใช่เป็นของเราเท่านั้น
“ความแตกต่างอาจจะมีคุณค่าของการอยู่ร่วมกัน การสร้างผืนแผ่นดินให้ร่มเย็นไม่ใช่ทำแค่เรื่องรายได้ แต่ต้องทำให้คนในแผ่นดินเดียวกันรู้สึกว่ามีการเคารพในความแตกต่างทั้งชาติพันธุ์ ความคิดเห็น ยกเว้นคนที่จะเอาแต่พวกกู และคนที่จะเอาแต่ประโยชน์”นายสุริชัย กล่าว
นายสุริชัย กล่าวอีกว่า ถ้าไปขอศาลเจ้าช่วยเราได้เราก็ไปขอ แต่อนาคตประเทศไม่ควรแขวนอยู่กับความเลื่อนลอย เราควรจะฝากความหวังไม่ใช่การใช้อำนาจเด็ดขาด ที่บางทีมีข้อจำกัดของอำนาจ ที่อำนาจที่เด็ดขาดไม่ได้รู้ถึงความซับซ้อนของคนหลายกลุ่ม ดังนั้นถ้าผู้นำช่วยสร้างบรรยากาศก็จะช่วยให้การปฏิรูปมีความกว้างขวางมากขึ้นได้"นายสุริชัย กล่าว