รวบสาวแสร้งใจดีช่วยกดเอทีเอ็ม ก่อนสลับบัตรขโมยกดเอาเงิน
รวบอดีตสาวแบงค์เพิ่งพ้นโทษ ทำทีตีสนิทคนสูงวัยช่วยเหลือกดเอทีเอ็ม อาศัยทีเผลอสลับบัตรขโมยกดเอาเงิน พบเหยื่อกว่า10ราย ได้เงินไปกว่าล้านบาท
เวลา 09.30 น. ที่กองกับกำการสืบสวน 3 ภาค 4 พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.4 พร้อมชุดจับกุม ได้สอบปากคำนางเยาวรัตน์ วรรณศิริ หรือ ชัยวิเศษ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151/1 หมู่ 16 ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ผู้ต้องหาลักทรัพย์และใช้บัตรเอเทีเอ็มหรือบัตรอิเล็กทรอนิคของผู้อื่นโดยมิชอบ จนก่อให้เกิดความเสียหาย แต่เนื่องจากนางเยาวรัตน์ ซึ่งกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ มีสภาพร่างกายอิดโรยเนื่องจากเครียด และไม่พร้อมที่จะออกมาแถลงข่าว แต่ยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาว่า ได้มีการขโมยบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายกว่า 10 ราย และนำไปกดเงินออกจากบัญชีธนาคารกว่า 1 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 4 เดือนเศษ
พล.ต.ท.บุญเลิศ กล่าวว่า ได้มีผู้เสียหายหลายรายในเขตพื้นที่ภาค 4 และภาค 3 ถูกขโมยบัตรเอทีเอ็มแล้วกดเงินออกจากบัญชีธนาคารบางรายสูญเงินมากกว่า 2 แสนบาท โดยพฤติการณ์การก่อเหตุจะเลือกตระเวนหาเหยื่อตามตู้เอทีเอ็มซึ่งส่วนใหญ่อยู่รอบนอก ซึ่งจะเลือกเหยื่อที่เป็นคนสูงวัยท่าทางงกเงิ่น หรือไม่ค่อยจะมีความชำนาญในการใช้บัตรเอทีเอ็ม รวมทั้งคนที่น่าจะสายตาไม่ดี รวมทั้งต้องมีตู้เอทีเอ็มตั้งแบบคู่ และจะต้องเป็นตู้เอทีเอ็มของธนาคากรุงเทพ เพื่อที่จะเข้าไปทำทีกดเงินของตัวเอง จากนั้นก็ทำทีเข้าไปช่วยเหลือกดเงินให้หรือบางทีก็ทำเป็นกดเงินของตัวเองไม่ได้ ถ้าช่วยกดเอทีเอ็มก็จะอาศัยความรวดเร็วและทีเผลอสลับบัตรเอทีเอ็ม เอาบัตรจริงไว้ แต่ยื่นบัตรเอทีเอ็มที่เตรียมหรือถือมาด้วยคืนให้
หรือบางทีเมื่อทำเป็นกดเงินไม่ได้ก็จะทำทีเป็นขอดูบัตรของเหยื่อ ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกยืนแอบดูรหัส และเหยื่อกดเงินเสร็จแล้ว เมื่อขอดูบัตรโดยอ้างว่าเพื่อเปรียบเทียบว่าทำไมของตัวเองกดไม่ได้มีอะไรผิดปกติเสร็จก็จะสลับบัตรทันที จากนั้นก็นำบัตรไปกดเอาเงินจากบัญชีของเหยื่อ และจะกดออกเกือบเกลี้ยงบัญชี
พ.ต.อ.คงฤทธิ์ คงศิริสมบัติ บอกว่า นางเยาวรัตน์ เคยต้องโทษคดีลักษณะเดียวกันนี้เมื่อปี 2551 โดยก่อนหน้าเคยทำงานธนาคารมาก่อน และเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำจังหวัดอำนาจเจริญเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากนั้นเเริ่มก่อเหตุอีกครั้งวันที่ 2 มิ.ย. 58 ขณะเริ่มตั้งครรภ์อ่อนๆ จากนั้นก็ตระเวนหาเหยื่อมีผู้เสียหายในหลายจังหวัด ทั้งหนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มากกว่า 10 ราย โดยนางเยาวรัตน์จะตระเวนหาเหยื่อ โดยสารภาพว่านำเงินที่ได้จากการก่อเหตุขโมยเงินจากบัญชีไปซื้อรถมาใช้เพื่อเป็นพาหนะ
มีครั้งหนึ่งที่นางเยาวรัตน์ เคยขโมยบัตรเอทีเอ็มแล้วไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม อำเภอเขมราฐ จ.อุบลราชธานี แต่ในบัญชีมีเงินเหลือแค่ 9 บาท ภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพได้ถึงกับหน้าเซ็ง ที่ในบัญชีไม่มีเงินอย่างที่ต้องการ
และล่าสุดที่ก่อเหตุคือที่อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา ชุดสืบสวนได้ติดตามสืบสวนจนพบว่า นางเยาวรัตน์กำลังตระเวนหาเหยื่อที่อำเภอเมืองอำนาจเจริญ โดยไปเช่าบ้านอยู่ใกล้กับโครงการเอื้ออาทรอำนาจเจริญ และขณะนั้นได้เริ่มตระเวนดูเหยื่อที่ธนาคารในจ.อำนาจเจริญ ตำรวจจึงเกาะติดและทำการเข้าแสดงตัวจับกุม ขณะที่นางเยาวรัตน์เดินที่ตลาดสดไม่ห่างจากธนาคารมากนัก ก่อนที่จะมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อของนางเยาวรัตน์อีก
ขณะที่แถลงข่าวได้มีนางวารี ศรีวันแก้ว อายุ 55 ปีชาวบ้านกุดปลาดุ ต.ชื่นชม อ.ชื่นชม จ.มหาสารคาม ผู้เสียหายคนหนึ่งมาชี้ตัว แม้จะไม่พบตัวเนื่องจากนางเยาวรัตน์มีสภาพร่างกายไม่พร้อม ไม่สามารถร่วมแถลงข่าวได้ แต่ได้ยืนยันว่าภาพของนางเยาวรัตน์ตรงกับผู้หญิงที่มาทำทีช่วยกดเงินจากตู้เอทีเอ็มให้ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากขายอ้อยได้แล้วทางบริษัทโอนเงินเข้าบัญชีให้ ถอนวันนั้นแค่ 20,000 บาท แต่ต้องมาสูญเงินให้กับมิจฉาชีพคนนี้ไปถึง 39,000 บาท มีเงินเหลือติดบัญชีแค่ 200 บาทเท่านั้น
ซึ่งตอนนั้นนางเยาวรัตน์ทำทีเข้ามาช่วยเหลือกดเงินให้แต่ก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมมีบัตรเอทีเอ็มหลายใบในมือ และเมื่อช่วยกดเงินให้แล้วก็ทำเป็นบัตรร่วง ก่อนจะยื่นบัตรคืนให้ พอกลับบ้านก็รู้สึกตะหงิดเหมือนกันว่า ดูมีพิรุธว่าทำไมต้องมีบัตรเยอะ แล้วทำไมต้องบัตรร่วง วันต่อมาจึงรีบมาธนาคารปรากฎว่าเงินถูกถอนออกไปจนหมดเหลือแค่ 200 บาทเท่านั้น