ปตท.รับรายได้ปีนี้ต่ำกว่า2.8ล้านล้านบาท
ปตท. ยอมรับรายได้ปีนี้ต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 2.8 ล้านล้านบาท เล็งซื้อกิจการธุรกิจต้นนำด้านพลังงาน ดันการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้ปรับตัวลดลงจากปี 2557 ที่มีรายได้ 2.8 ล้านล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50 เหรียญฯต่อบาร์เรล์ จากที่ปีก่อนราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 80-90 เหรียญฯต่อบาร์เรล รวมถึงได้รับผลกระทบจากการปรับมาตรฐานบัญชีที่ทำให้รายได้ลดลง ประมาณ 10% เพราะการรวมงบการเงินของบริษัทย่อยเข้ามา โดยมีผลตั้งแต่งบการเงินไตรมาส 1/2558
บริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนความชัดเจนการลงทุนในอนาคต ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาธุรกิจถ่านหินว่าจะลงทุนต่อหรือขายธุรกิจออกไป ภายหลังราคาถ่านหินมีการปรับตัวลดลง โดยคาดว่าจะชัดเจนในเดือนม.ค. 2559 หากผลออกมาให้มีการลงทุนต่อเนื่อง ก็จะเป็นโอกาสที่จะเข้าไปซื้อกิจการได้ในราคาถูก ส่วนธุรกิจปาล์มมีความชัดเจนแล้วที่จะมีการขายออกไปทั้งหมด
นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสเพื่อซื้อกิจการธุรกิจต้นน้ำทางด้านพลังงานเป็นหลัก เช่น ธุรกิจสำรวจและผลิต เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงนั้น ทำให้บริษัทหลายแห่งมีปัญหาทางด้านเงินทุน จำเป็นที่ต้องขายกิจการออกมา ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทจะเข้าไปลงทุน แต่ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส ทั้งนี้ยอมรับว่าธุรกิจเดิมที่บริษัทมีอยู่แล้วนั้น จะผลักดันการเติบโตให้กับบริษัทไม่ได้มาก การพัฒนาโครงการใหม่ก็ต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนา 3-4 ปี ดังนั้นการที่บริษัทจะเติบโตได้เร็วต้องอาศัยการซื้อกิจการ
ทั้งนี้ กลุ่มปตท.มีกระแสเงินสด 2 แสนล้านบาท เพื่อเตรียมไว้รองรับการลงทุนท่อเส้นที่ 4 การขยายลงทุนเพิ่มในธุรกิจ LNG และลงทุนในบริษัทย่อยของปตท. และนำไปซื้อกิจการ ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างทำแผน 5 ปีข้างหน้า (59-63) เพื่อให้เหมาะสมกับทิศทางราคาน้ำมันที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยคาดว่าแผนจะเสร็จในเดือนธ.ค. นี้
"จากราคาน้ำมันที่มีความผันผวนนั้น ทำให้บริษัทต้องมีการทำแผนธุรกิจให้เหมาะสมกับทิศทางราคาน้ำมัน โดยจะทำเป็น 3 แบบ Best Case, Base Case , Worst Case เช่น ราคาน้ำมันอยู่ที่ 30 เหรียญ ทิศทางดำเนินธุรกิจจะเป็นอย่างไรแต่ถ้าหากราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 60 เหรียญ ก็จะมีการพิจารณาลงทุนโครงการที่ชะลอออกไป เพราะการลงทุนจะคุ้มค่าในการลงทุน"นายเทวินทร์ กล่าว
สำหรับราคาน้ำมันก็คาดว่าในช่วงระยะสั้นจะอยู่ที่ระดับ บวกลบ 50 เหรียญฯต่อบาร์เรลไปสักระยะ จนถึงปี 2559 และคาดว่าจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 70 เหรียญฯต่อบาร์เรลใน 3-5 ปีข้างหน้า จากปริมาณน้ำมันที่ออกมาในตลาดน่าจะปรับตัวลดลง
ส่วนความคืบหน้าในการแยกท่อก๊าซฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอครม.อนมัติ ซึ่งหากครม.อนุมัติแล้วจะใช้เวลาในการแยกท่อประมาณ 9 เดือน พร้อมตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาดูแลเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ ตนเองจะดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประมาณ 3 ปี ซึ่งส่วนตัวตั้งเป้าที่จะได้รับรางวัลองค์กรโปร่งใสจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)
สำหรับกรณีค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปตท.มากนัก เนื่องจากได้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมกันนี้ บริษัทมีรายจ่ายเป็นสกุลดอลลาร์ก็จริง แต่ขณะเดียวกันก็มีรายได้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ด้วย ก่อให้เกิดการป้องกันความเสี่ยงโดยธรรมชาติ