คมนาคม พร้อมให้เอกชนร่วมลงทุนท่าจอดเรือสำราญ

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับโครงการพัฒนาท่าจอดเรือสำราญ (cruise terminal ) ที่เป็นยุทธศาสตร์ของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวทางน้ำของไทย เบื้องต้นจากข้อมูลของกรมเจ้าท่าปัจจุบันมีพื้นที่ที่เหมาะสมสามารถพัฒนาท่าเทียบเรือดังกล่าวได้ทั้งที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดกระบี่ เพื่อให้ไทยมีพื้นที่จอดเรือสำราญทั้งชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยกระทรวงคมนาคมเห็นว่าสามารถพัฒนาให้เกิดท่าเทียบเรือพร้อมกันทั้ง 2 จังหวัดได้ โดยหลังจากนี้จะเชิญชวนให้เอกชนที่สนใจลงทุนสามารถเสนอแผนให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางที่จะเกิดโครงการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในโครงการดังกล่าว

ขณะที่การจัดงานมหกรรมเรือสำราญและเรือมารีน่าจะจัดขึ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 เชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญช่วยโปรโมทยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวทางน้ำของไทยอีกทางหนึ่งด้วย

นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า การพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญทั้งเกาะสมุยและกระบี่ จากข้อมูลเบื้องต้นมีพื้นที่ที่เหมาะสมจังหวัดละ 3 พื้นที่และขณะนี้กรมเจ้าท่ามีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเป็นไปได้และพื้นที่ที่เหมาะสม เบื้องต้นพบว่าพื้นที่ทิศเหนือเกาะสมุยถือว่ามีความเหมาะสมมากที่สุด โดยองค์ประกอบการท่าเทียบเรือสำราญ เบื้องต้นพื้นที่หน้าท่าเรือจะต้องมีความลึกไม่น้อยกว่า 10.5 เมตร เพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันต้องมีการใช้พื้นที่หลังท่าเพื่อจัดสิ่งอำนวยความสะดวกอีก 50 ไร่ ส่วนงบประมาณดำเนินการพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญแต่ละแห่งจะใช้งบประมาณ 300-500 ล้านบาท รวมถึงพิจารณาปริมาณการตกตะกอนดินหน้าท่า ซึ่งจะมีความสำคัญขุดรอกที่จะใช้งบประมาณแต่ละปีมาดำเนินการ

ส่วนรูปแบบการลงทุน ขณะนี้เมื่อเป็นการลงทุนร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชนในส่วนของกรมเจ้าท่าจะดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สามารถดึงเอกชนร่วมทุนได้ และหากมีการพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญพร้อมกัน ทั้ง 2 ฝั่งทะเลก็จะเป็นเรื่องดี