กลุ่มปตท.ปรับแผนลดการลงทุนธุรกิจโรงกลั่น
กลุ่ม ปตท.ปรับแผนลดการลงทุนธุรกิจโรงกลั่น - ปิโตรเคมีในอาเซียน หลังสถานการณ์การผลิตน้ำม้นล้นความต้องการ
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า ปตท.ปรับแผนรองรับความเสี่ยงการลงทุนรองรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด จากสถานการณ์การผลิตน้ำม้นล้นความต้องการ ราคาน้ำมันดิบดูไบร่วงมาถึงระดับ 33 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้แผนลงทุนโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีรองรับการเปิดประชาอาเซียน(เออีซี) ที่เดิมจะลงทุนทั้งในเวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมาร์ และไทย ก็ต้องชะลอและเลือกการลงทุนให้เหมาะสม โดยจะมีการตัดสินใจภายในปี 2560
“สถานการณ์ทีเลี่ยนแปลงมี shale oil shale gas และน้ำมันดิบล้นความต้องการของโลก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เราศึกษาลงทุนเพื่อเป็นทางเลือก ไม่ใช่ลงทั้ง 3 ประเทศ ในขณะที่PTTGC ก็มีแผนจะลงทุนโครงการใหญ่ในสหรัฐด้วย ก็ต้องมีขั้นตอนของเรื่องเงิน lender ซึ่งมีอยู่จำกัด แต่ในส่วนขยายโรงกลั่นในไทยต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพราะต้องการสร้างประสิทธิภาพ และสร้างฐานการตลาด รองรับเออีซี”นายชาญศิลป์ กล่าว
สำหรับโรงกลั่นกลุ่ม ปตท.ที่อยู่ในระหว่าง ศึกษาแผนการขยายกำลังการกลั่นน้ำมันคือ โรงกลั่นไทยออนล์ จะขยายแบบคอขวดเป็น4 แสนบาร์เรล/วัน จาก 2.75 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์น้ำมันเตาให้เป็นน้ำมันใสเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์
ในขณะเดียวกันกลยุทธ์การลงทุนของธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นของกลุ่ม ปตท.ในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะเน้นในเรื่องการสร้างนวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงการมุ่งผลิตสินค้ากลุ่มพลาสติกชีวภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดความผันผวนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวน โดยจะเป็นส่วนหนึ่งที่เสนอแผนลงทุน 5 ปี(2559-2563) ต่อ คณะกรรมการปตท. ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีแบบจำลองการลงทุน 3 แผน ตั้งสุมมิฐานจากราคาน้ำมันดิบดูไบในปี2559ใน 3 ระดับ ได้แก่ ระดับราคาน้ำมันสูงที่ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ,ระดับราคาน้ำมันฐาน ที่ 53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และระดับราคาน้ำมันต่ำที่ 42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพราะคาดว่าระดับราคาน้ำมันดิบ ดูไบไม่น่าจะต่างจากปีนี้มากนัก
โดยปตท.ประเมินราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีหน้าที่ราว 53-56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเฉลี่ยปีนี้ที่ราว 51-52 เหรียญสหรัฐ/ขณะที่โครงการใดที่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการลงทุน ก็จะไม่ถูกบรรจุอยู่ในแผน ได้แก่ การลงทุนโรงกลั่นน้ำมันในต่างประเทศ หรือโครงการก่อสร้างคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ระยะที่ 3 เป็นต้น และระดับราคาน้ำมันต่ำกลุ่มโรงกลั่น/ปิโตรเคมีได้ต้องทบทวนทั้งในส่วนของงบการลงทุนและงบรายจ่ายประจำ เช่น ปรับลดงบลดงบการจัดซื้อเฟอร์นิเจอร์ การจัดสัมมนา รวมถึงการลดระดับที่นั่งในเครื่องบินของผู้บริหารระดับสูงซึ่งเริ่มตั้งแต่ในไตรมาส 3/58
“ปีนี้คงเห็นการขาดทุนสต็อกน้ำมัน ซึ่งเป็นการขาดทุนทางบัญชีแต่คาดว่าจะไม่มากปีก่อนเพราะราคาต้นปีและปลายปีของทั้งสองปีแตกต่างกัน แต่ในส่วนของธุรกิจการผลิตยังสามารถทำกำไรได้ดี จากส่วนต่าง(สเปรด) ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และราคาน้ำมันดิบกับราคาน้ำมันสำเร็จรูปยังนับว่าอยู่ในระดับที่สูง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซิน ที่อยู่ในระดับสูงถึง 24 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และคาดว่าสเปรดของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและธุรกิจกลั่นจะยังอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่องในปีหน้าด้วย”นายชาญศิลป์ กล่าว