'ปตท.' คาดราคาน้ำมันปีนี้เฉลี่ยที่ 40 เหรียญ

'ปตท.' คาดราคาน้ำมันปีนี้เฉลี่ยที่ 40 เหรียญ

ปตท. คาดราคาน้ำมันปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 40 เหรียญ/บาร์เรล เชื่อฟื้นตัวช่วงไตรมาส 2/59 รับทั้งกลุ่มปตท.อยู่ระหว่างศึกษาโครงการซื้อหุ้นคืน

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT คาดว่า ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบปีนี้จะอยู่ที่ 40 เหรียญต่อบาร์เรล แม้ที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวลดลงกว่า 30 เหรียญต่อบาร์เรลก็ตาม เนื่องจากคาดว่าในไตรมาส 2/59 นี้ ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นและผู้ผลิตน้ำมันหลายรายปิดกิจการ เพราะว่าราคาน้ำมันลดลงไม่คุ้มค่าต่อการผลิต ทั้งนี้ ปตท. อยู่ระหว่างพิจารณาปรับโครงสร้างบริษัทในเครือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้จะมีความชัดเจน

"ส่วนตัวคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 40 เหรียญต่อบาร์เรล แม้บางช่วงราคาน้ำมันจะต่ำกว่า 30 เหรียญต่อบาร์เรลก็ตาม เพราะมองว่าไตรมาส 2 ราคาน้ำมันจะปรับตัวดีขึ้นจากความต้องการใช้มากขึ้นและผู้ผลิตบางรายจะมีการหยุดกิจการจากที่แบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว แต่หากราคาน้ำมันเฉลี่ยในช่วงปลายปีอยู่ที่ระดับต่ำกว่าที่ประเมินไว้บริษัทมีแผนจะทบทวนงบลงทุนเพื่อให้สอดรับกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง โดยในปี 59 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 50,839 ล้านบาท"นายเทวินทร์ กล่าว

สำหรับปีนี้ ปตท. จะให้ความสำคัญต่อการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการลงทุนท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ และบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนคลังเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) แห่งที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะมีขนาด 7.5 ล้านตัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอให้รัฐบาลพิจารณา และบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาขยายคลัง LNG แห่งที่ 1 เป็น 10 ล้านตัน จากปัจจุบันขนาด 5 ล้านตัน เพื่อรองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในอนาคต

รวมถึงบริษัทมีแผนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากรปิโตรเลียม ผ่านธุรกิจปิโตรเลียมและโรงกลั่น โดยเน้นการวิจัยเรื่องพลังงานทดแทนและพลาสติกชีวภาพ นอกจากนี้จากการเปิดเออีซี บริษัทมีแผนที่จะขยายสถานีบริการน้ำมัน และร้านค้าปลีกในประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ บริษัทในเครือปตท. อยู่ระหว่างการศึกษาจะจัดโครงการซื้อหุ้นคืน หลังจากราคาหุ้นของบริษัทฯของทั้งกลุ่มปตท. ปรับตัวลดลง ถือว่ามีความพร้อมจะทำ เพราะมีกระแสเงินสดในมือที่สูง