'คมนาคม' ชงครม.อนุมัติรถไฟทางคู่ 4 เส้นทาง
"คมนาคม" เตรียมเสนอครม.อนุมัติก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่อีก 4 เส้นทางปลายเดือนนี้ หลังวันนี้เปิดโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายฝั่งทะเลตะวันออก
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานการดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายชายฝั่งทะเลตะวันออกช่วงฉะเชิงเทรา -คลอง 19 -แก่งคอย ระบุว่าปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมกระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่อีก 4 เส้นทาง ประกอบด้วย รถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี – ปากน้ำโพ 148 กิโลเมตร ช่วงมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ 131 กิโลเมตร ช่วงนครปฐม – หัวหิน 170 กิโลเมตร และช่วงประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร 167 กิโลเมตร ซึ่งทั้งหมดจะเป็นไปตามโรดแมพที่กระทรวงคมนาคมตั้งไว้ตามนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ต้องการผลักดันให้มีการพัฒนาระบบรางโดยเฉพาะรถไฟทางคู่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำหรับโครงการก่อสร้างทางคู่เส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลอง 19- แก่งคอย เป็นการก่อสร้างทางรถไฟใหม่ 1 ทาง คู่ขนานไปกับทางเดิม เริ่มจากสถานีฉะเชิงเทราไปตามทางรถไฟสายตะวันออกเดิม (สายอรัญประเทศ) ผ่านสถานีบางน้ำเปรี้ยวถึงสถานีคลอง 19 แยกขนานไปกับทางรถไฟสายคลอง 19 – แก่งคอย ผ่านสถานีองครักษ์ วิหารแดง บุใหญ่ สุดปลายทางสถานีแก่งคอย ซึ่งผ่านพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่อำเภอองครักษ์ และอำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก และพื้นที่อำเภอวิหารแดง อำเภอเมือง และอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ใช้ระยะเวลาดำเนินงาน 36 เดือน
ส่วนงานก่อสร้างทั้ง 2 สัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-วิหารแดง และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง (Chord Lines) 3 แห่ง (ฉะเชิงเทรา บ้านภาชี และแก่งคอย) ระยะทางรวมประมาณ 106 กิโลเมตร งบประมาณในการก่อสร้าง 9,825.81 ล้านบาท บริษัทคู่สัญญาก่อสร้าง คือ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) สัญญาที่ 2 งานก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ ช่วงวิหารแดง-บุใหญ่ ระยะทางรวมประมาณ 9 กิโลเมตร และอุโมงค์รถไฟลอดใต้เขาพระพุทธฉาย 1.2 กิโลเมตร งบประมาณในการก่อสร้าง 407.04 ล้านบาทบริษัทคู่สัญญาก่อสร้าง คือ บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา – คลอง 19 – แก่งคอย สอดคล้องกับแนวทางการลงทุนในแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 10 ลดต้นทุนด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ รองรับการขนส่งสินค้าระหว่างพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกและท่าเรือแหลมฉบังกับพื้นที่บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น น้ำมัน ก๊าซ LPG ปูนซีเมนต์ สินค้าบรรจุคอนเทนเนอร์ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและบริการระหว่างจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่ง (Modal Shift) ไปสู่ระบบรางและสนับสนุนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการกระจายสินค้าให้มีประสิทธิภาพเพิ่มความจุสูงสุดของทางในระบบทำให้ขนส่งสินค้าได้มากขึ้น ขณะที่ค่าขนส่งลดต่ำลงเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางสามารถเชื่อมโยงโครงข่ายการบริหารจัดการขนส่งมวลชน สินค้าและบริการ ทั้งในพื้นที่ชนบท เมือง และระหว่างประเทศเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ