รองหน.ปชป. อัดรบ.ประยุทธ์ ตัดเบี้ยชราแก้ไม่ถูกจุด
"เกียรติ" รองหน.ปชป. อัดรัฐบาล ตัดเบี้ยยังชีพ แก้ปัญหาไม่ถูกจุด หวั่นเกิดความเหลื่อมล้ำ แนะใช้ระบบสัมปทาน
นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกรณีที่กระทรวงการคลังเตรียมจะตัดสวัสดิการเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินเดือนละ 9,000 บาทหรือมีสินทรัพย์สูงเกิน 3 ล้านบาทและเลือกจ่ายให้เฉพาะผู้สูงวัยที่มีรายได้ต่ำ ว่า ความหมายสวัสดิการสังคมสำหรับผู้สูงอายุ แปลว่าทุกคนที่ชราภาพต้องได้ทั้งหมด ถ้าจะไปตัดเฉพาะบางคน บางกลุ่ม ตรงนี้ก็ไม่ถือเป็นนโยบายสวัสดิการสังคมแล้ว ตนอยากให้ไปดูที่รัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆที่ระบุชัดเจนว่า รัฐต้องจัดสวัสดิการให้ประชาชน อยากให้รัฐบาลอธิบายหลักคิดก่อนว่าคืออะไร ทำไมทำแบบนี้ ต้องตีโจทย์ว่ายังต้องการให้เป็นสวัสดิการสังคมอยู่หรือไม่ หรือจะให้ไปเป็นนโยบายอะไรก็ไม่ทราบได้
“ เกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดไว้นั้น สงสัยว่าจะเป็นธรรมหรือไม่เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดทุกปี ต้องถามว่าการวัดเกณฑ์ว่าใครรวย ใครจน จะวัดกันยังไง วัดกันทุกปีหรือไม่ และนับทรัพย์สินแต่ละครอบครัวไหม หรือว่านับแค่เฉพาะบุคคล การรัฐบาลให้เหตุผลว่าเรากำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ และงบประมาณที่มีอยู่ ดูจะไม่เพียงพอ ก็ต้องตั้งคำถามว่าภาษีที่ประชาชนจ่ายกันทุกปีทั้งภาษีทางอ้อม ทำไมถึงมีไม่เพียงพอ เอาเงินไปใช้ผิดประเภทหรือไม่ เรื่องการใช้ภาษีต้องอธิบายให้ประชาชนทราบได้ทุกเรื่อง ประเทศอื่นที่เจอกับปัญหาสังคมผู้สูงวัย ก็มีวิธีแก้ปัญหามากมายและก็ไม่จำเป็น จะต้องตัดสวัสดิการออก อาทิ ที่ออสเตรเลียก็ไม่มีเกณฑ์เกษียณอายุ ใครอยากเกษียณเมื่อไรก็เกษียณได้” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในเรื่องของทรัพย์สินเกิน 3 ล้านบาท ถ้าเป็นที่ดินจะว่าอย่างไร เพราะตามหลักแล้วการมีที่ดินไม่ใช่ถือว่าเป็นทรัพย์สินอย่างเดียว แต่ยังถือว่าเป็นภาระด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นที่ดินที่มีภาระจะหักค่าใช้จ่ายได้หรือไม่ ถ้าเป็นบริษัทนั้นเมื่อที่ดินเสื่อมราคายังสามารถตัดค่าใช้จ่ายได้ แต่เป็นบุคคลจะทำอย่างไรเมื่อมีที่ดินแล้วเสื่อมราคา นอกจากนี้คนรับบำเหน็จ บำนาญจะทำอย่างไร โดยเฉพาะกรณีว่าคนรับบำเหน็จไม่ถึง 3 ล้านบาท แต่รับบำนาญได้เงินเกิน 9,000 บาทต่อเดือนตรงนี้จะว่ายังไง
นายเกียรติ กล่าวต่อว่า เมื่อดูทั้งประเทศมีคนแจ้งทรัพย์สินกันกี่คน ก็มีแจ้งทรัพย์สินเฉพาะนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงเท่านั้น ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ที่ไม่ได้ยื่นภาษีเลย ตามระบบในประเทศไทยก็ถือว่ามีเยอะมาก อาทิ กลุ่มเกษตรกร ตรงนี้จะนับกันยังไง ดังนั้นถ้าให้นโยบายนี้มีผลบังคับใช้ จะให้คนทั้งประเทศไปแจ้งทรัพย์สินหรือไม่ แบบนี้ก็ลำบากมาก การออกนโยบายนั้นพูดก็พูดได้ แต่ถ้าจะทำนั้นจะสร้างปัญหาและทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำตามมาอีกมาก ดังนั้นทางรัฐบาลต้องอธิบายและดำเนินการด้วยความระมัดระวัง แต่ตนขอค้านการใช้วิธีการนี้มาแก้ไขปัญหา เรื่องการขาดงบประมาณ เพราะเป็นการแก้ไม่ถูกจุด ยังมีวิธีการแก้ปัญหาอีกมาก เช่น เวลาจะสร้างถนนที่เก็บค่าผ่านทางได้ ก็ควรจะใช้ระบบสัมปทานจากภาคเอกชนแทนที่จะใช้เงินงบประมาณภาครัฐ เป็นต้น