คสช.แจงจ้าง 'เบส อรพิมพ์' บรรยาย ปัดใช้เป็นเครื่องมือกองทัพ
ชี้แจงแล้ว คสช.รับ! จ้าง "เบส อรพิมพ์" บรรยายหน่วยทหาร ชี้เป็นคนรักสถาบัน ปัดใช้เป็นเครื่องมือกองทัพ วอนสังคมมองที่เจตนา
เมื่อวันที่19 พฤศจิกายน พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากองทัพจ้างนางสาวอรพิมพ์ รักษาผล หรือ “เบส อรพิมพ์” ไปบรรยายในหน่วยงานของทหาร ว่า ขอยืนยันว่านางสาวอรพิมพ์ หรือเบส ไม่ได้เป็นเครื่องมือของกองทัพตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใด ซึ่งอยากให้มองว่านางสาวอรพิมพ์ เป็นผู้หญิงเก่ง มีความกล้า และเป็นนักพูดที่ดีให้ข้อคิดอะไรต่างๆได้ รวมทั้งเป็นคนที่มีการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะเดียวกันกองทัพมีบทบาทในการปกป้องและเทิดทูนสถาบันฯ ดังนั้นกองทัพจึงเชิญนางสาวอรพิมพ์ มาเป็นวิทยากรในการบรรยาย และให้ข้อคิดเกี่ยวกับสถาบัน
“ทั้งนี้ไม่ใช่เพียง นางสาวอรพิมพ์ คนเดียว ที่กองทัพเชิญมาบรรยาย หากแต่ใครก็ตามที่มีความจงรักภักดี และมีการถ่ายทอดเรื่องราวได้ดี มีข้อคิด น่าฟัง น่าสนใจ ทางกองทัพก็เชิญมาบรรยายทั้งนั้น ส่วนการที่นางสาวอรพิมพ์ ไปพูดพาดพิงในลักษณะว่าคนภาคอีสานลืมในหลวง จนกลายเป็นประเด็นนั้น ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น อยากให้ดูที่เจตนาของเขามากกว่า เพราะทุกวันนี้สังคมไทยยังมีกลุ่มคนที่จาบจ้วง ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ พบในโซเชียล และทางยูทูป ซึ่งเธอน่าจะหมายถึงคนพวกนี้มากกว่า
ทั้งนี้น้องเบสเป็นผู้หญิงที่กล้า เป็นคนเก่ง ถ่ายทอดเรื่องราวได้ดี แต่การที่เธอพูดอะไรไปแล้วกระทบพาดพิงใครๆก็ตามจนเป็นเรื่องเป็นราว ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เลยไม่สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรได้ แต่อยากให้มองว่าน้องเบสมีความจงรักถักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์”
พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว เมื่อถามถึงกรณีมีข้อความป้ายผ้าระบุว่าขอให้เบสหยุดพูดสร้างความแตกแยก” หรือ “เหยียบย่ำหัวใจคนอีสาน” ที่สะพานลอยบริเวณถนนมิตรภาพช่วง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และเส้นทางไป จ.สระบุรี และ จ.นครราชสีมา นั้น พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า คสช.เป็นผู้ซึ่งรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ลดภาวะความวุ่นวาย และความแตกแยก เพื่อสร้างความสามัคคีของคนในชาติ ซึ่งการที่มีปรากฏการณ์ดังกล่าว คสช.จึงมีหน้าที่คอยตักเตือนประชาชนให้รับฟังข้อมูลในโลกออนไลน์ให้อยู่บนพื้นฐานของสติ และเหตุผล มีการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ ไม่ใช่ว่าฟังอะไรมาก็ว่าไปตามนั้น แล้วก็ไปโกรธเกลียดกัน จึงถือเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมได้