'กฟผ.'ชี้ประมูลโรงไฟฟ้ากระบี่ไม่มีผลผูกพันทางกม.

'กฟผ.'ชี้ประมูลโรงไฟฟ้ากระบี่ไม่มีผลผูกพันทางกม.

"กฟผ."ยืนยันยึดมั่นสัญญาที่ให้ต่อคณะกรรมการไตรภาคี ชี้กระบวนการประมูลโรงไฟฟ้ากระบี่ยังไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย จนกว่าจะได้รับอนุมัติจาก ครม.

นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะโฆษกกฟผ. กล่าวว่า กรณีที่เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินร้องเรียนให้ยุติประมูลโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่นั้น ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ กฟผ. เคยชี้แจงไปแล้ว เมื่อครั้งที่ท่านที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเชิญทุกฝ่ายมาประชุม เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2558 เพื่อหารือกันก่อนตั้งคณะกรรมการไตรภาคี ซึ่งตัวแทนเครือข่ายฯ ที่ร่วมประชุมอยู่ด้วย ได้กล่าวยอมรับว่า ถ้ากระบวนการประมูลที่กำลังดำเนินการอยู่ตอนนั้น กฟผ. ยืนยันว่าไม่มีผลผูกพันก็สามารถยอมรับและเป็นข้อยุติได้

ดังนั้น จากคำประกาศของเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2559 การทำกิจกรรมนั่งภาวนาหน้าทำเนียบ โดยให้เหตุผลว่า กฟผ.ฉีกสัญญาด้วยการประกาศผู้ชนะราคาการประมูลจึงไม่เป็นความจริง เพราะ กฟผ. ได้ยืนยันต่อสาธารณชนมาโดยตลอดว่า การประมูลโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่จะไม่มีผลทางกฎหมาย และจะมีผลต่อเมื่อโครงการฯ ผ่านการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และรัฐบาลอนุมัติโครงการเท่านั้น

นายสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดตั้งกรรมการไตรภาคี เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2558 ซึ่งเป็นไปตาม ข้อเรียกร้องของเครือข่ายฯ ในการรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย โดยในการประชุมครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2559 ที่ผ่านมา คณะกรรมการไตรภาคีได้รับรายงานความคืบหน้าของอนุกรรมการฯทั้ง 3 ชุด และกรรมการทุกฝ่ายได้แสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง แต่เนื่องจากกรรมการแต่ละฝ่ายยังมีจุดยืนที่แตกต่างกัน พลเอกสกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานคณะกรรมการไตรภาคี จึงให้กรรมการแต่ละท่าน สรุปความคิดเห็นและเหตุผลที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย พร้อมข้อเสนอ เพื่อนำรายงานและความเห็นของคณะกรรมการชุดใหญ่ทั้งหมด เสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป

“การระบุว่า กฟผ. ไม่รอผลการพิจารณาของคณะกรรมการไตรภาคีจึงไม่เป็นความเป็นจริง กฟผ. เชื่อมั่นว่า ทุกฝ่ายจะเคารพการดำเนินงานของคณะกรรมการไตรภาคี อันจะนำมาซึ่งข้อยุติที่ได้รับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายอย่างเป็นเหตุเป็นผล รวมทั้งที่สำคัญคือ เพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าได้และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมโดยรวม" นายสหรัฐ กล่าว