เวิร์คพอยท์เสริมทัพฟอร์แมทรุกสื่อออนไลน์’
อุตสาหกรรมโฆษณาส่งสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่ ธ.ค.ที่ผ่านมา สื่อฟรีทีวี ที่ครองสัดส่วนเม็ดเงินโฆษณาสูงสุดกว่า 60% ต่างเดินหน้าเสริมทัพคอนเทนท์ใหม่
ชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัลทีวี บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าหลังเปิดตัวฟอร์แมทรายการร้องเพลง The Mask Singer จากประเทศเกาหลี ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่าได้รับความนิยมจากผู้ชมต่อเนื่อง เรทติ้งทีวีอันดับ1 ในช่วงเวลาที่ออกอากาศ เช่นเดียวกับการรับชมสดผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊คไลฟ์และยูทูบ ไลฟ์
ดังนั้นหลังจากจบซีซันแรกในเดือน มี.ค.นี้ จะพัก 1-2 สัปดาห์ และออกอากาศ The Mask Singer ซีซัน2 ต่อในเดือน เม.ย. ทันที เพื่อสร้างฐานเรทติ้งผู้ชมต่อเนื่อง และโอกาสการปรับขึ้นราคาโฆษณา
ในซีซันแรก The Mask Singer วางราคาเสนอขาย(rate card) ไว้ที่ 3.5-4 แสนบาทต่อนาที ราคาขายหลังให้ส่วนลดเฉลี่ยที่ 1 แสนบาทต่อนาที หลังจากซีซันแรกเรทติ้งขยับขึ้นต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ทำให้ยอดจองโฆษณาซีซัน 2 ทำได้แล้วเกิน 50% โดยราคาขายจริงขยับเพิ่มขึ้นเท่าตัวอยู่ที่ 2 แสนบาทต่อนาที
ปัจจุบันอุตสาหกรรมโฆษณาส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน ลูกค้ากลับมาใช้งบสื่อสารการตลาดตั้งแต่ต้นปี เวิร์คพอยท์จึงเตรียมส่งคอนเทนท์ใหม่ลงจอต่อเนื่อง โดยซื้อฟอร์แมทต่างประเทศใหม่ รวม 3 รายการ จาก Fremantle Media 1 รายการ คือ Hear Me. Love Me. See Me. ในประเทศไทยใช้ชื่อรายการ “กล้องส่องรัก”เริ่มออกอากาศ ก.พ.นี้ ทุกวันเสาร์ 20.50 น.
ส่วนอีก 2 ฟอร์แมท รูปแบบวาไรตี้ คอมเมดี้ โชว์ ซื้อมาจากเกาหลี เช่นเดียวกับอีก 3 ฟอร์แมท ที่ซื้อมาก่อนหน้า คือ Let Me In , I can see your voice และ The Mask Singer โดยอีก 2 ฟอร์แมทใหม่จะทยอยเปิดตัวต่อเนื่องทุกเดือน พร้อมปรับเปลี่ยนรายการที่มีเรทติ้งต่ำในช่วง นอน ไพร์มไทม์
ช่วงปลายปี2559 เรทติ้งรวมทั่วประเทศช่องเวิร์คพอยท์อยู่ที่ 1.2 เริ่มต้นปีขยับขึ้นไปที่ 1.35-1.4 จากการเสริมคอนเทนท์ฟอร์แมทต่างประเทศและรายการใหม่ต่อเนื่องในปีนี้ วางเป้าหมายเรทติ้งรวมสิ้นปีที่ระดับ 1.45-1.45
“หากเรทติ้งช่องขยับต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ จะสามารถปรับราคาโฆษณาขึ้นได้เช่นกัน เป้าหมายปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 6.5-7 หมื่นบาทต่อนาที จากปีก่อนอยู่ที่ 5 หมื่นบาทต่อนาที”
ปีนี้วางเป้าหมายรายได้ทีวี 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 20% จากปีก่อน โดยรายได้รวมเวิร์คพอยท์อยู่ที่ 3,200 ล้านบาท
ชลากรณ์ กล่าวอีกว่าจากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันสัดส่วนกว่า 60% ของประชากรไทย รวมทั้งจำนวนผู้ชมคอนเทนท์วีดิโอของเวิร์คพอยท์ผ่าน “ออนไลน์ แพลตฟอร์ม”เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบัน“ยูทูบ แชนแนล”มีสมาชิกติดตามกว่า 5 ล้านราย ติดอันดับ 1-50 ผู้ชมสูงสุดของโลกทุกเดือน
ส่วนเฟซบุ๊คเพจ มีผู้ติดตามกว่า 7 ล้านราย เป็นสถานทีวีอันดับ1 ที่ผู้ชมมีส่วนร่วมในการรับชมคอนเทนท์ โดยมียอดผู้ชมวีดิโอ 35-45 ล้านวิวต่อสัปดาห์
จากแนวโน้ม“ออนไลน์ แพลตฟอร์ม”ขยายตัวต่อเนื่อง ปีนี้เวิร์คพอยท์จะพัฒนาคอนเทนท์รายการใหม่ ซึ่งซื้อฟอร์มแมทมาจากเกาหลี รูปแบบคอมเมดี้ โชว์ ซึ่งจะเชื่อมโยงการรับชมจาก สื่อออนไลน์ ไป"หน้าจอทีวี” ออฟไลน์ ตอบรับพฤติกรรมการรับชม"มัลติ สกรีน"ของผู้ชมในยุคนี้ โดยจะเปิดตัวรายการดังกล่าวในไตรมาสแรกนี้
ปีที่ผ่านมาช่องทางออนไลน์ “ยูทูบ” ทำรายได้กว่า 60 ล้านบาท ปีนี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คาดอยู่ที่ 80 ล้านบาท และมีโอกาสสร้างรายได้จากช่องทางเฟซบุ๊คที่จะเปิดตัวโฆษณา pre-roll วีดิโอคอนเทนท์ในปีนี้
“แนวทางทำงานปีนี้เวิร์คพอยท์ จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ชมคอนเทนท์ในทุกช่องทาง และเก็บผู้ชมจากทุกจอ ทั้งจอทีวีและออนไลน์ แพลตฟอร์มที่เติบโตจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและโซเชียล มีเดีย”