'ประยุทธ์' ชี้ 'ป.ย.ป.'เป็นการทำงานร่วม 'แม่น้ำทุกสาย'
นายกรัฐมนตรี ชี้ “ป.ย.ป.” เป็นการทำงานร่วม “แม่น้ำทุกสาย” ให้สัมฤทธิ์ผล-มีประสิทธิภาพมาก แก้ปัญหาอุปสรรค ทุกด้าน พร้องส่งต่อ “รบ.” หน้า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ว่า การทำงานของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) เป็นการปรับกระบวนการทำงานของรัฐบาล ร่วมกับแม่น้ำทุกสายเพื่อให้เป็นผลสัมฤทธิ์ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ทั้งในด้านขั้นตอน กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เพื่อให้ 4 งานหลัก คือ การบริหารราชการ, การปฏิรูป , ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เดินหน้าไปได้และสามารถส่งต่อรัฐบาลต่อไปได้ สิ่งที่รัฐบาลและ คสช. ได้ดำเนินการไปแล้วมีอยู่มากมาย ทั้งที่ทำเสร็จแล้ว หรืออยู่ระหว่างดำเนินการ กำลังเริ่มดำเนินการ ซึ่งจะต้องจัดระบบ ระเบียบ เพื่อเร่งรัดดำเนินการ พร้อมกำหนดความสำคัญเร่งด่วน ขับเคลื่อนด้วยกลไกใหม่ ที่สร้างความสอดคล้อง บูรณาการ และติดตามประเมินผลได้ในทุกระดับ ซึ่งประกอบด้วย 1.คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ จะขับเคลื่อนงานที่รัฐบาลได้ดำเนินการและขับเคลื่อนไว้อยู่แล้ว โดย กขป. 6 คณะ ที่เรียกว่าคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินทั้งงานFunctionและงานAgendaคืองานตามหน้าที่ ความรับผิดชอบ และก็งานที่เป็นงานนโยบาย งานเร่งด่วนนะครับ เพือให้เกิดความยั่งยืน รวมทั้งแก้ไขปัญหาข้อขัดข้อง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว และสอดคล้องกันทุกมิติ 2.คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ เป็นการนำวาระปฏิรูป“ทั้งหมด”ทั้งที่มาจากรัฐบาล คสช. สปท. สนช. และ กขป. มากกว่า 200 เรื่องซึ่งบางส่วนได้คิดและทำไปแล้ว มาจัดกลุ่ม และกำหนดลำดับความสำคัญเร่งด่วน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขั้นต้นในปี 2560 นี้ มีทั้งหมด 27 วาระปฏิรูปที่สำคัญเร่งด่วน จะต้องดำเนินการ ส่วนวาระปฏิรูป ที่เหลือนั้นก็ต้องจัดลำดับ และดำเนินการ ตามความสำคัญเร่งด่วนโดยเริ่มดำเนินการคู่ขนานกันไป เพื่อพร้อมส่งมอบให้กับรัฐบาลใหม่ต่อไป โดยจัดทำ Road map การทำงานที่ชัดเจน เพื่อให้การส่งมอบผลการปฏิรูปสู่ประชาชนรวดเร็วขึ้น 3.คณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง จะมีการแบ่งกลุ่ม เพื่อการพูดคุย ทั้งกลุ่มการเมือง นักกฎหมาย นักวิชาการ กลุ่มเศรษฐกิจและสังคม ประชาสังคม การต่างประเทศ และสื่อมวลชน เป็นต้น
“เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ตกผลึกในมุมมองของแต่ละกลุ่ม ที่พูดจาภาษาเดียวกันก่อนที่จะนำทุกข้อเสนอ จากการระดมสมองมาพิจารณาแบบบูรณาการกัน ในคณะกรรมการระดับชาติเพื่อให้ข้อเสนอเหล่านั้น มีผลเป็นรูปธรรมต่อไป ขอให้เข้าใจตรงกันว่าการปรองดองไม่ใช่เฉพาะเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง แต่ยังมีเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ภาครัฐ และภาคประชาชน ยังเข้าใจไม่ตรงกันจึงไม่เกิดความร่วมมือ ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อส่วนรวม และประเทศชาติ ในอนาคต เนื่องจากเป็นการดำเนินการเพื่อวันข้างหน้าทั้งสิ้น เช่น เรื่องพลังงาน โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่,โรงผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อให้การขับเคลื่อน และติดตามการทำงาน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ยังได้กำหนดให้มีPMDUสำนักงานบริหารนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ ทำหน้าที่เร่งรัด ติดตาม ประเมินผล และถ่ายทอดนโยบาย คำสั่งการของนายกรัฐมนตรี ลงไปยังหน่วยงานระดับปฏิบัติอีกด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลก็จะเร่งแก้ไขปัญหา ในอีกหลายเรื่อง ทั้งวิธีการ , กระบวนการ,การทำกฎหมาย ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน และสากล ทั้งนี้ รัฐบาลมีเจตนารมย์ที่มุ่งมั่น และจริงใจที่จะพยายามแก้ปัญหานี้เหล่านี้ให้ได้ จึงขอให้ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ได้ร่วมมือด้วย