‘ยูบีเอ็ม’ปลุกSME 4.0ชูเทคโนโลยีต่อยอดธุรกิจ
การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสมัยใหม่มีอิทธิพลต่อการผลิตและภาคธุรกิจทุกแขนงที่ต้องเร่งปรับตัวเข้าสู่ “ยุค 4.0” รับมือการแข่งขันและโอกาสรอบด้าน
โดยเฉพาะประเทศไทยในฐานะสปริงบอร์ดทางด้านการค้าการลงทุนสู่อาเซียน นับเป็นความได้เปรียบในการขยายฐาน ต่อยอด สร้างโอกาสธุรกิจใหม่
สรรชาย นุ่มบุญนำ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารโครงการ บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการระดับนานาชาติ กล่าวว่า เทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมไทยยุค 4.0 ทำให้ทุกองค์กรต้องเริ่มพัฒนาและให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากยิ่งขึ้นเพื่อปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันและอนาคต
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทุกแขนงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัวสูง โดยเฉพาะ “ซีแอลเอ็มวี” งบประมาณทั้งภาครัฐและเอกชนทุ่มลงทุนโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องตามการบริโภคของพลเมืองอาเซียนเป็นโอกาสของผู้ประกอบการทั้งขนาดใหญ่แม้กระทั่ง “เอสเอ็มอี” ที่มีความพร้อม
“สถานการณ์ขณะนี้ท้าทายกลุ่มผู้ประกอบการจะปรับโครงสร้างวางแนวทางธุรกิจสอดรับปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างไร ไทยไม่ใช่ประเทศที่มีค่าแรงถูกอีกต่อไป เครื่องจักรกล หรือ เทคโนโลยีชั้นสูง จะเป็นตัวช่วยที่จะเสริมศักยภาพด้านการผลิต ลดต้นทุน และขับเคลื่อนธุรกิจอย่างทรงประสิทธิภาพในอนาคต”
นับเป็นโจทย์สำคัญต่อการปรับกระบวนความคิด วิธีการ หรือกลยุทธ์ธุรกิจ รองรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระยะยาวที่ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลักในการดำเนินธุรกิจ กล่าวคือ การพัฒนาและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เครื่องจักรต่างๆ ค่าจ้างแรงงาน เพื่อมองหาแนวทาง “ต่อยอด” ขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางการคุกคามของคู่แข่งทั่วสารทิศ ซึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ่เชื่อว่าจะสามารถปรับตัวรับสถานการณ์ได้ ในทางกลับกันเป็นโจทย์ใหญ่ของผู้ประกอบการรายย่อยเอสเอ็มอี
“เราจะมุ่งเชื่อมโยงเทคโนโลยีใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งปัจจุบันต้องยอมรับว่ายังอยู่ในยุค 2.5-3 ที่เริ่มนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ หรือขยับขึ้นมา 3.0-3.5 ซึ่งเป็นธุรกิจรายใหญ่มากกว่า แต่รันทั้งระบบ 4.0 มีน้อยมากแม้จะเป็นรายใหญ่ก็ตาม”
เป็นแนวทางขับเคลื่อนของยูบีเอ็มผ่านธุรกิจหลักในฐานะผู้จัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ โดยงานประจำปีอย่าง “อินเตอร์แมค 2017” งานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรกลและอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตเพื่อการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรม ภายใต้ความร่วมมือของยูบีเอ็ม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สร้างเวทีให้ผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อย และขนาดกลางได้เข้ามามีโอกาสในการยกระดับธุรกิจของตัวเองผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด
อินเตอร์แมค 2017 บนพื้นที่ 3.2 หมื่นตร.ม.ที่ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 17-20 พ.ค. ภายใต้แนวคิด “Advanced Technology The Smart Way to Success” จัดพร้อมงานซับคอนไทยแลนด์ 2017 มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มองค์ความรู้ด้านอุตสาหกรรม 4.0 การใช้บิ๊กดาต้า หรือข้อมูลขนาดใหญ่ในการวิเคราะห์ธุรกิจ การใช้หุ่นยนต์อัตโนมัติมาปรับใช้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการผลิต รวมทั้งการพบปะผู้ผลิตและการจับคู่ธุรกิจ โดยนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมานำเสนอผ่านรูปแบบและกลไกต่างๆ กว่า 1,300 แบรนด์ จาก 45 ประเทศ ซึ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์กว่า 150 ชนิด จะเปิดตัวรุ่นล่าสุดครั้งแรกในอาเซียน
“Industry 4.0 เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเร่งทำความเข้าใจเพื่อบูรณาการทุกภาคส่วน สร้าง สมาร์ท แฟคตอรี"
โดยไฮไลท์หรือกระแสในตลาดจะมีการเสวนาร่วมกัน อาทิ สถาบันไทย-เยอรมัน สถาบันยานยนต์ สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ที่จะมาหาคำตอบของคำว่าโอกาสในการต่อยอดแต่ละอุตสาหกรรมเพื่อให้ตรงกับเป้าหมายการพัฒนาของประเทศและเทรนด์โลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะ “รถยนต์ไฟฟ้า”
รวมถึง “4 เทคโนโลยี” ที่เป็นเมกะเทรนด์ ได้แก่ เทคโนโลยีหุ่นยนต์หรือแขนกล เทคโนโลยีเครื่องจักรกลหรือ ทรีดี (3D) พริ้นติ้ง อุตสาหกรรมผลิตแปรรูปโลหะแผ่น และเครื่องมือเครื่องวัด คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานกว่า 4.5 หมื่นคน จับคู่ธุรกิจ 6,000 คู่ โดยจำนวนนี้เป็นเอสเอ็มอีเข้าร่วมงานมากกว่า 50%
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้เร็ว หากสามารถปักธงสร้างฐานผลิตได้ก่อนย่อมได้เปรียบต่อการรองรับการเติบโตทั้งไทยและอาเซียนเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในอนาคต ต้องเริ่มเตรียมการตั้งแต่วันนี้