33ชนเผ่าตบเท้าเข้ากทม. ร้อง'นายกฯ' คืนความเป็นธรรม 'ชัยภูมิ'
33 ชนเผ่าแถลงการณ์กรณีวิสามัญ “ชัยภูมิ” เยาวชนตัวอย่างชาวลาหู่ ก่อนตบเท้าเข้ากรุงเทพฯ ร้องต่อคสช.-นายกฯ เรียกร้องทบทวน-คืนความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากกรณีการเสียชีวิตของนายชัยภูมิ ป่าแส หรือ “จ๊ะอุ๊” ชาวลาหู่ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญ โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าได้ตั้งด่านตรวจสกัดยาเสพติด แล้วนายชัยภูมิวิ่งหนี รวมทั้งจะขว้างระเบิดที่อยู่ในมือใส่ หหารจึงใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ประจำกาย ยิงป้องกันตัว 1 นัด เป็นเหตุให้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้กำลังที่สนใจอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ เนื่องจากขัดต่อพฤติกรรมของนายชัยภูมิ ที่ปฏิบัติตนเป็นเยาวชนตัวอย่างมาโดยตลอด โดยนายชัยภูมิเป็นนักกิจกรรมชาวลาหู่ ตัวแทนเครือข่ายเยาวชนต้นกล้า จ.เชียงราย ร่วมทำความดีเพื่อสังคมอย่างหลากหลายเป็นที่ยอมรับและนับถือในวงกว้าง คนจำนวนมากไม่เชื่อว่านายชัยภูมิจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และมีความคลางแคลงใจเพราะเป็นการให้ข้อมูลด้านเดียวของทางเจ้าหน้าที่ ที่ขัดแย้งกับพฤติกรรมของนายชัยภูมิที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00น. วันนี้(21 มี.ค.) ที่สำนักงานสภาชนเผ่าพื้นเมือง แห่งประเทศไทย (สชพ.) ภาคีองค์กรเครือข่าย ชนเผ่า 33 เครือข่าย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จำนวนกว่า 30 คน ได้เดินทางมาร่วมกันอ่านแถลงการณ์ 3 ข้อ กรณี ชัยภูมิ ป่าแส ถูกวิสามัญดังกล่าว ต่อสื่อมวลชน ที่ให้ความสนใจทั้งจากในไทยและสำนักต่างประเทศ อาทิ ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าว CNN. ก่อนที่ตัวแทนส่วนหนึ่งจะได้เดินทางต่อไปยัง กรุงเทพฯ เพื่อแถลงการณ์และยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายกฯและรัฐบาล รวมไปถึง คสช.ให้พิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวเพื่อความเป็นธรรม
โดยหนังสือการแถลงการณ์ดังกล่าว มีเนื้อหาว่า จากกรณีการวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ ป่าแส อายุ 17 ปี แกนนำเยาวชนชาวลาหู่ นักกิจกรรมทางสังคม และประธานเครือข่ายเยาวชนต้นกล้าชนเผ่าพื้นเมือง เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยถูกทหารสังกัดกองร้อยทหารม้าที่ 2 บก.ควบคุมที่1 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 5 ที่ตั้งจุดตรวจสกัดค้นยาเสพติดบริเวณด่านตรวจบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ วิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ และยังได้จับกุมเพื่อน คือ นายพงศ์นัย แสงตะล้า อายุ 19 ปี ไปคนหนึ่งด้วยนั้น
เหตุการณ์ดังกล่าว ได้สร้างความอาลัยและสะเทือนใจแก่เพื่อนนักกิจกรรมทางสังคม เครือข่ายเด็กและเยาวชน ภาคีหน่วยงานรัฐและองค์กรที่ทำงานปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากนายชัยภูมิเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่ชอบความรุนแรง เป็นเยาวชนที่มีความเสียสละทุ่มเทเวลาส่วนตัวในการทำกิจกรรมเพื่อชุมชน เพื่อเด็กไร้สัญชาติ ได้มีโอกาสในสังคม ความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพของตัวเองจึงได้กลายเป็นแกนนำเยาวชน รวมทั้งในด้านการเรียนยังเป็นนักเรียนที่ดี ได้อันดับที่ 2 ในชั้นเรียน และยังเป็นนักกิจกรรมที่ออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิและสถานะให้กับผู้ด้อยโอกาสในสังคมไทย รวมทั้งยังเป็นศิลปินชาวลาหู่ (นักดนนตรีและนักแต่งเพลงที่ช่วยสะท้อนปัญหาเด็กไร้สัญชาติจนเป็นที่ยอมรับ) ชัยภูมิมีนิสัยที่อ่อนโยน รักเพื่อน พี่น้อง ชอบออกค่ายอาสา และมีผลงานในการทำหนังสั้นส่งประกวดและถูกเผยแพร่ทางสื่อสาธารณะมากมาย นับได้ว่าเป็นเยาวชนที่เป็นแบบอย่างของชนเผ่าพื้นเมือง ที่มีความเสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ทหารได้วิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ ซึ่งยังเป็นเยาวชนนั้น ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่กระทำเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีกฎหมายคุ้มครองเด็ก เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัว และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 เป็นต้น ซึ่งได้กำหนดตามมาตรการต่างๆ ที่สำคัญเพื่อคุ้มครองเด็กทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ ชื่อเสียง หรือสิทธิประโยชน์อื่นของเด็ก เช่น ห้ามบุคคลใดกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมเด็ก และกำหนดให้มีการปกป้องคุ้มครองเด็กไทยทั้งหมด ไม่ว่าพวกเขาจะมีสถานะทางเศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย มีชาติพันธุ์ หรือนับถือศาสนาใด และในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ที่ประเทศไทยได้ลงนามรับรองไว้ ยังได้เน้นย้ำว่า จะไม่มีเด็กคนใดได้รับการทรมาน หรือถูกปฏิบัติ หรือลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือต่ำช้า จะไม่มีการลงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตที่ไม่มีโอกาสที่จะได้รับการปล่อยตัว
เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) เป็นเครือข่ายที่ทำงานเด้านการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน วิถีชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมือง และภาคีองค์กรและเครือข่ายที่ทำงานเพื่อความเป็นธรรมในสังคมไทย ขอแถลงท่าทีและเรียกร้องดังต่อไปนี้ 1.เราขอประณามการกระทำที่เจ้าหน้าที่ทหารได้วิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ ที่ถือเป็นการกระทำที่โหดร้าย ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม
2.เราขอเรียกร้องต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว อย่างเร่งด่วน และ3. ขอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยในชีวิตมีมาตรการ และกลไกในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ และคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตและญาติผู้ตายรวมถึงเพื่อนผู้ตาย ที่ถูกจับกุมอยู่ขณะนี้อย่างเร่งด่วน คชท. ร่วมกับภาคีองค์กรและเครือข่ายทีเกี่ยวข้องจะได้ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตรวจสอบตามข้อเรียกร้องข้างต้น และยินดีสนับสนุนการปฏิบัติการที่ดีของบุคคลและหน่วยงานทุกภาคส่วน ที่ยังเชื่อมั่นในคุณความดีและกระบวนการยุติธรรม