องค์การเสรีไทยฯแถลง5ข้อ โต้ก่อการร้าย-จี้เลิกม.44
"จารุพงศ์" แถลงในนามองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ปฏิเสธข้อกล่าวหาก่อการร้าย จี้รัฐยกเลิกใช้อำนาจม.44
ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้ฝ่ายปฏิบัติการจิตวิทยา หรือฝ่ายไอโอ ของหน่วยทหารออกข่าวประสานกันตามเครือข่ายที่จัดตั้งไว้ เพื่อสร้างสถานการณ์ รวบบุคคลที่เห็นต่างทางการเมืองทุกคนทุกกลุ่มเข้าด้วยกัน โดยป้ายสีว่า เป็นผู้ก่อการร้าย สร้างความไม่สงบให้กับประเทศไทย ดังที่ปรากฏชัดในปัจจุบันนี้นั้น
องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี โยงองค์การเสรีไทยฯ ให้เป็นองค์การผู้ก่อการร้ายและขอยืนยันความจริงต่างๆ เกี่ยวกับเป้าหมายและการดำเนินงานขององค์การฯ ดังต่อไปนี้ ปฐมบทของการก่อตั้งองค์การเสรีไทยฯ เป็นเพราะเราไม่ยอมรับอำนาจของคณะรัฐประหารที่ได้มาจากการสร้างสถานการณ์ปั่นปวนทางการเมืองโดยกลุ่มบุคคลในเครือข่ายเผด็จการไทย เรายืนยันที่จะต่อสู้เรียกร้องสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกอย่างเสรีตามระบอบการปกครองตามหลักการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
การที่ คสช. ออกคำสั่งต่างๆ หลังการยึดอำนาจและยังเลวร้ายหนักขึ้นในวันนี้ จนถึงกับมีการอ้างกฎหมายรัฐธรรมนญมาตรา ๔๔ ที่อุปโลกน์ให้หัวหน้า คสช. มีอำนาจล้นแผ่นดิน สามารถส่งให้กำจัดสิทธและเสรีภาพของประชาชนอยางกว้างขวางและไร้วงจำกัดนั้น เป็นสิ่งที่เราไม่ยอมรับมาโดยตลอด และจะขอต่อต้านจนกว่าจะมีการยกเลิกการจำกัดสิทธเสรีภาพในการแสดงออก แล้วให้ทุกคนมีสิทธเท่าเทียมเสมอภาคกันและอยู่ร่วมกันบนหลักนิติรัฐและการเคารพสิทธิมนษยชนอย่างมีภราดรภาพได้
อนึ่ง ขอประกาศว่า องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ได้ยึดมั่นและต่อสู้ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์สำคัญ ๆ ดังนี้ ๑. รัฐบาลไทยจะตองเคารพสิทธิมนุษยชนทั้งโดยพฤตินัยและนิตินัย ตามข้อผูกพันทุกเรื่องที่รัฐไทยได้ลงนาม รับพันธสัญญาไว้กับองค์การสหประชาชาติ
๒. รัฐไทยต้องถูกสถาปนาให้ใช้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่แท้จริง อันเป็นการปกครองที่อำนาจเป็นของประชาชน ใช้โดยตัวแทนที่ได้รับฉันทานุมติจากปวงชน และทำเพื่อพิทักษ์ รักษาและอำนวยประโยชน์แก่ปวงชนทุกกลุ่มในชาติ โดยประกันสิทธิและเสรีภาพของทุกคน บนความเสมอภาค การเคารพ-กฎหมาย และการเคารพเสียงข้างมากของปวงชน
๓.องค์การเสรีไทยฯ สนับสนุนระบบคุณธรรมและต่อต้านระบบอุปถัมภ์ที่ใชการแต่งตั้งแทนการเลือกตั้งและใช้กฎหมู่หรือ “อภินิหารทางกฎหมาย”แทนระบบนิติรัฐ-นิติธรรม กล่าวคือ ระบอบเผด็จการไทยวันนี้ ใช้ระบบอุปถัมภ์แต่งตั้งคนของเครือข่ายเผด็จการขึ้นใช้อำนาจของปวงชน แทนระบบคุณธรรม ที่ส่งเสริมคนดีมีความรู้และความสามารถให้ได้มีโอกาสบริหารประเทศชาติ เพื่อประโยชน์ของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง
๔. รัฐบาลจากการรัฐประหาร จะต้องยกเลิกการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ ซึ่งไปละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ระบุไว้ ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration for Human Rights) เกือบทุกมาตรา ในจำนวน ๓๐ มาตราที่องค์การสหประชาชาติประกันไว โดยการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ป่าเถื่อนถึงขั้นสังหารหมู่ประชาชนผู้ต่อต้านระบอบเผด็จการ ได้เกิดขึ้นซ้ำซาก นับแต่เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ พฤษภาคม ๒๕๓๕ เมษายน-พฤษภาคม ๒๕๕๓ และวันนี้การจ้องกดขี่ ข่มขู่ และใช้ความรุนแรงรูป แบบต่าง ๆ ต่อประชาชน กำลังจะกลับมาและจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่ากลัวยิ่ง
๕.รัฐบาลเผด็จการทหารจะต้องเร่งคืนอำนาจให้แก่ปวงชนชาวไทย โดยการจัดให้มีการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมโดยเร็วที่สุด เพื่อไมให้ความขัดแย้งและเสียหายต่อประเทศชาติบานปลายจนยากจะแก้ไขโดยสันติ
ทั้งนี้ ในฐานะองค์การเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนที่ไมแสวงกำไร องค์การเสรีไทยฯ ได้ยึดหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยเป็นเป้าหมายและวิธีการ โดยถือสันติวิธี ใช้ความรู้และความจริง ตลอดจนอาศัยการรวมตัวกันของคนไทยทั่วโลก บนความชอบธรรมของเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่ถูกรัฐบาลเถื่อนปล้นอำนาจและผลประโยชน์
โดยเราถือว่า เมื่อปวงชนในประเทศไม่สามารถใช้กำลังหรือความรุนแรงต่อต้านเผด็จการที่ยึด อำนาจได้เบ็ดเสร็จ เราก็ต้องอดทนและให้โอกาสผู้ถืออำนาจรัฐทำงานจนถึงที่สุดและใช้นโยบายโลกล้อมประเทศและการให้ความรู้กับพี่น้องร่วมชาติมาโดยตลอด และหวังว่า ทุกฝ่ายจะร่วมมือกันในฐานะพี่น้องร่วมชาติ ในการนำพาประเทศพ้นจากความขัดแย้งอันถึงจุดใกล้วิกฤตินี้โดยเร็ว ก่อนที่จะสายเกินไป
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการ องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย แถลง ณ วันที่ ๒๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐