‘สตาร์ครูซส์’บุกตลาดเรือสำราญไทยชูเที่ยวระยะสั้น

‘สตาร์ครูซส์’บุกตลาดเรือสำราญไทยชูเที่ยวระยะสั้น

สตาร์ครูซส์ บุกตลาดเรือสำราญไทย ส่งเรือซูเปอร์สตาร์ เจมิไน เทียบท่าแหลมฉบัง งัดโปรแกรมเส้นทางระยะสั้นเที่ยวสมุย-กัมพูชา เจาะตลาดนักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติ

นายอัง มู ลิม ประธานกรรมการบริษัทเรือสำราญสตาร์ครูซส์ กล่าวว่า เตรียมขยายตลาดมาสู่ประเทศได้ด้วยการนำเรือสำราญซูเปอร์สตาร์ เจมิไน เข้าเทียบเท่า ณ ท่าเรือแหลมฉบับ จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 17 ธ.ค.2560-27 เม.ย.2561 โดยวางเส้นทางไว้ 3 โปรแกรม ประกอบด้วย การเดินทาง 4 วัน 3 ไปยังเมืองสีหนุวิลล์ และเกาะสมุย, โปรแกรม 3 วัน 2 คืน ไปยังสีหนุวิลล์ และโปรแกรม 3 วัน 2 คืน ไปยังเกาะกง ซึ่งหลังเปิดตัวครั้งนี้ จะพิจารณากระแสการตอบรับก่อน ซึ่งหากเป็นไปด้วยดีก็พร้อมจะนำเรือลำอื่นเข้ามาให้บริการเพิ่มเติม

บริษัทวางกลุ่มเป้าหมายตลาดคนไทยเป็นหลัก เนื่องจากโปรแกรมระยะสั้น สามารถเดินทางในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ ขณะเดียวกันการมาใช้ท่าเรือแหลงฉบังจอดเรือรับนักท่องเที่ยวในช่วงดังกล่าว ยังมองเป้าหมายไปที่ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวไทย ให้ร่วมซื้อแพ็คเกจล่องเรือสำราญด้วย หลังจากนี้จะทำแผนส่งเสริมการตลาดกระตุ้นให้บริษัทนำเที่ยว ร่วมผลิตแพ็คเกจทัวร์ผนวกรวมเอาการเดินเรือนำเสนอต่อลูกค้า เพื่อให้การท่องเที่ยวตลาดเรือสำราญ (ครุยส์ ทัวริสซึ่ม) ขยายตัวได้รวดเร็ว

นายลิม กล่าวว่า เชื่อว่าระดับราคาซึ่งอยู่ที่ 8,900 บาท – 1.29 หมื่นบาท ในช่วงแนะนำการขาย จะจูงใจผู้บริโภคชาวไทยเข้ามาทดลองใช้บริการ นอกจากนั้น มองศักยภาพตลาดไทยว่า สามารถสร้างฐานลูกค้าหลากหลาย เพราะสามารถนำเสนอให้กับตลาดไมซ์ ในกลุ่มจัดประชุมสัมมนาหรือท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลได้ด้วย นอกจากนั้น หากการตอบรับในครั้งนี้ดี ก็พร้อมจะขยายเส้นทางระยะไกลมากขึ้น เนื่องจากบริษัทอยู่ในเครือของบริษัทเกนติ้ง ฮ่องกง ซึ่งมีโฮมพอร์ต หรือ ท่าเทียบเรือประจำ อยู่หลายแห่งในน่านน้ำทวีปเอเชียที่พร้อมรองรับอยู่แล้ว

“ตลาดท่องเที่ยวเรือสำราญในอาเซียน มีศักยภาพและการเติบโตที่น่าสนใจ ซึ่งหากแต่ละประเทศพัฒนาท่าเรือให้รองรับเรือสำราญได้สะดวกขึ้น จะเสริมให้มีเส้นทางแวะจอดหลากหลาย และส่งผลดีต่อภูมิภาคทั้งหมด”

สำหรับบริษัทสตาร์ครูซส์  เข้ามาทำตลาดในไทยครั้งแรกในปี 2538 โดยนำเรือเทียบท่า จ.ภูเก็ต ปัจจุบันดำเนินธุรกิจการล่องเรือในน่านน้ำเอเชียแปซิฟิก และฝูงเรือขนาดใหญ่ 6 ลำ

ด้านนายศุภฤกษ์ ศูรางกูร นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) กล่าวว่า ในการพัฒนาตลาดเรือสำราญในไทย ต้องการให้รัฐบาลเร่งผลักดันความร่วมมือกับเพื่อนบ้านในการผลักดันวีซ่าที่ใช้เข้า-ออกได้หลายประเทศในครั้งเดียว เนื่องจากพฤติกรรมของนักล่องเรือ อาจจะเดินทางมาไทยโดยเครื่องบิน ท่องเที่ยวภายในประเทศ แล้วขึ้นเรือล่องไปยังเส้นทางต่างๆ ในภูมิภาค จากนั้นขึ้นเครื่องบินกลับจากจุดหมายปลายทางที่ขึ้นเรือโดยไม่ย้อนกลับขึ้นมาอีก ดังนั้นการมีวีซ่าที่สะดวก จะยิ่งกระตุ้นให้ตลาดนี้เติบโตได้เร็ว

นอกจากนั้น ควรพัฒนาท่าเรือในไทยให้เป็นโฮมพอร์ตรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ได้มากขึ้น เพื่อสร้างให้ไทยเป็นจุดหมายที่เรือต่างๆ ต้องเยี่ยมเยียน ทำให้เกิดการกระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่นที่มีท่าเรือรับตลาดนี้โดยตรง ที่ผ่านมาแม้ว่าสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม จะพัฒนาตลาดเรือสำราญจนมีความคืบหน้าไปมาก แต่สำหรับไทยที่เริ่มช้ากว่าคนอื่น ก็ยังมีโอกาสสร้างฐานตลาด โดยอาศัยศักยภาพด้านท่องเที่ยวอื่นๆ ที่มีช่วยผลักดัน

ส่วนการเดินทางมาเทียบท่าของเรือจากสตาร์ครูซส์ครั้งนี้ จะช่วยผลักดันการเติบโตในตลาดเฉพาะนี้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกระแสความนิยมล่องเรือเพิ่มมากขึ้น เมื่อผนวกรวมกับการมีราคาที่จูงใจ ก็สร้างความน่าสนใจมากขึ้น แทนที่จะเจาะตลาดผู้สูงอายุเป็นหลักเหมือนที่ผ่านมา