“E-Sport” กีฬาหรือแค่เกม? (มีคลิป)

การยื่นหนังสือคัดค้านต่อยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จากมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย พร้อมด้วยกลุ่มเยาวชน เพื่อขอคัดค้าน การผลักดันให้ “E-Sport” เป็นการแข่งขันกีฬาอย่างเป็นการ
โดยให้เหตุผลว่า สังคมไทยยังมีปัญหาใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องการเสพติดเกม เสพติดอินเทอร์เน็ต การล่อลวง การเข้าถึงเนื้อหาที่ผิดกฎหมายและเป็นอันตราย ดังนั้น จึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะให้ “E-sport” เป็นกีฬา เพราะอาจเป็นการซ้ำเติมปัญหา โดยเฉพาะการเสพติดเกมของเด็กและเยาวชน
ทำให้ตอนนี้สถานการณ์แบ่งออกเป็นสองฝ่ายโดยสิ้นเชิง กลุ่มที่คัดค้านยึดมั่นในความเชื่อของความไม่พร้อมเกี่ยวกับบริบทประเทศ ขณะที่ กลุ่มของคนรัก E-Sport ก็ยังคงเดินหน้าที่จะผลักดันให้เป็นกีฬาให้ได้
เหตุผลจากคนรักเกม
“E-Sports” ชื่อเต็มคือ “Electronic Sport” จะเรียกง่ายๆมันก็คือการแข่งขันเกมก็ได้ มีพัฒนาการมาจากยุค Arcade หรือที่บ้านเราเรียกกันติดปากว่า “ เกมตู้ ” จนมีการแข่งขันกันจริงจัง ถึงขึ้นเป็นทัวร์นาเม้นท์ชิงแชมป์หลายรายการทั่วโลก ปัจจุบัน
ซึ่งจากผลสำรวจล่าสุดพบว่ารายได้จากกีฬา E-Sport ทั่วโลกมีสูงถึง 891 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท เลยทีเดียว
แต่ถ้าพูดถึงวงการ E-Sport ประเทศไทยในยุคแรกคงจะเป็นการแข่งขันกันเองในร้านเป็นหลัก นำไปสู่การจัดการแข่งขันภายในประเทศเพื่อค้นหาตัวแทนไปแข่งในระดับสากล ซึ่งขณะนี้มีหลายต่อหลายทีมไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศของไทย
โดยนาย “สันติ โหลทอง” นายกสมาคมไทยอีสปอร์ต กล่าวว่า หากพิจารณาคุณลักษณะของ E-Sport ตอนนี้ถือว่ามีองค์ประกอบของการเป็นการแข่งขันกีฬาที่ครบแล้วตั้งแต่ มีผู้เข้าแข่งขัน ผู้ดำเนินการ มีมาตรฐานในการดำเนินงาน คัดเลือกเกมที่มีความสมดุลย์
“นักกีฬา E-Sports ทุกคนที่ไปทำการแข่งขันต่างประเทศตอนนี้แม้ว่าจะไปในรูปแบบเอกชน แต่โลกรับรู้ว่านี่คือทีมไทย การได้ไปในนามทีมชาติ ที่ได้รับการรับรอง อย่างเป๊นทางการถือเป็นความภาคภูมิใจของนักกีฬา”
ข้อเสนแนะจากแพทย์
อย่างไรก็สำหรับ มีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่นาสนใจ จากนายแพทย์ “ยงยุทธ์ วงศ์ภิรมย์ศานติ์” แพทย์ทรงคุณวุฒิกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ที่กล่าว ในงานสัมนา “E-Sport เกม กีฬา ธุรกิจ และเด็กไทย” เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งจัดโดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นายแพทย์ ยงยุทธ์ กล่าวว่า สังคมไทยมีปัญหาเรื่องการเลี้ยงดูเด็กกับเกมส์ออนไลน์มาเยอะ ซึ่งล้วนมีผลต่อการพัฒนาการของเด็กทั้งสิ้น เช่นสมาธิสั้นลง การเรียนรู้เสีย การสังคมเสียต่อไปอีกด้วย สำริดผลทางด้านการเรียน ส่งผลไปยังเรื่องเพศ ฯลฯ
ปัญหาของการใช้ออนไลน์มีมากอยู่แล้ว สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือ จะให้อย่างไรเพื่อยกระดับครอบครัวหรอสังคมไทยให้ใช้อินเตอร์เน็ตไปในทางที่เหมาะสม ควรจะใช้หลักการเรียนรู้เพื่อสร้างผลิตภาพ
“ถ้าการกีฬาประเทศไทยควรจะยอมรับ E-Sport ต้องเป็นหลักที่ทางโอลิมปิกสากลยอมรับก่อน ตอนนี้มีการใช้วาทกรรมของคำว่า ว่า Sport มาแทรก แต่อาจจะมีจุดประสงค์หลักทางธุรกิจก่อนเรื่องการแข่งขันกีฬา ถ้าการกีฬาประเทศไทยควรจะยอมรับ E-Sport ต้องเป็นหลักที่ทางโอลิมปิกสากลยอมรับก่อน”
คนติดเกม-เกมเมอร์-E-Sport
สำหรับข้อเสนอแนะที่ต้องการให้ E-Sport ได้รับการยอมรับจากองค์กรกีฬาระดับสากลก่อนนั้น มีการนำเสนอข้อมูลมาหักล้างว่า E-Sport นั้นได้รับการรับรองจาก “คณะกรรมการโอลิมปิกสากล” ให้เป็นกีฬาอย่างเป็นทางการนานแล้ว โดยการแข่งขัน “เอเชียนอินดอร์เกมส์” E-Sport ก็ถูกบรรจุให้แข่งขันชิงชัยแย่งเหรียญกันเหมือนกับกีฬาประเภทอื่นๆ
สำหรับกรณีเรื่องของเด็กที่ติดเกมจากเรื่อง E-Sport นั้น นายสันติ โหลทอง ได้ให้ความเห็นว่าเรื่องนี้แบ่งเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกคือ “คนติดเกม” กลุ่มนี้คือกลุ่มคนที่ไม่มีระเบียบวินัยต่อตัวเอง เหมือนกับคนที่ลุ่มหลงอะไรสักอย่างจนมีผลลบต่อชีวิตตนเอง
กลุ่มที่สองคือ “เกมเมอร์”กลุ่มนี้จะเป็นพวกที่เห็นโอกาสจากสิ่งที่ตัวเองชอบว่าสามารถใช้ประโยชน์ได้แล้วเริ่มพัฒนาตัวเอง และกุล่มที่สามคือ “E-Sport” คือกลุมที่พัฒนาจากเกมเมอร์ เป็นกลุ่มคนที่มีวินัย ฝึกซ้อม เห็นเป้าหมายเหมือนกับนักกีฬามืออาชีพ โดยสิ่งที่สังคมต้องช่วยกันคือทำให้คนกลุ่มแรกมองเห็นเป้าหมายและประโยชน์จากการเล่นเกมมากกว่า
ข้อเสนอของฝ่าย E-Sport นั้นคือให้สังคมช่วยกันจัดระเบียบส่งเสริมการเล่นเกมให้ถูกต้อง ยิ่งหากสามารถพัฒนาเยาวชนที่สนใจกลายเป็นนักกีฬาได้ก็ยิ่งดี
แต่กระนั้นความเสี่ยงที่อีกฝ่ายมองก็คืออาจสร้างนักกีฬาได้มากขึ้นแต่ก็มีโอกาสทำให้มีเด็กติดเกมมากขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งความเสี่ยงในอาชีพ แม้ E-Sport อาจจะสร้างรายได้ได้มากก็จริง
แต่จะมีนักกีฬาสักกี่เปอร์เซ็นต์ที่ทำรายได้จากการเล่นเกมได้ทั้งชีวิต