เตือนเคลื่อนไหวปม 'หมุดคณะราษฎร' เสี่ยงเจอคดี!!
"พล.ต.อ.ศรีวราห์" ยันผู้ร้องทุกข์ปม "หมุดคณะราษฎร" หายต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ หากไม่ใช่จะถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จ
ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.)ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณี อีกกลุ่มประชาชน เข้าแจ้งความให้ตำรวจ สน.ดุสิต ให้สืบสวนติดตามหมุดคณะราษฎรอันเก่าที่หายไป ว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ประชาชน สามารถกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนได้ แต่ยังไม่เป็นคดียังไม่รับเป็นเลขคดี จากนั้นพนักงานสอบสวนจะต้องสืบสวนและสอบสวนเพื่อพิสูจน์ว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และมีผู้เสียหายหรือไม่หากมีผู้เสียหายตามกฎหมาย ซึ่งมีความเสียหายเกิดขึ้นจริงก็จะต้องรับเป็นคดีสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีต่อไป ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น คำว่าร้องทุกข์และกล่าวโทษนั้นต่างกัน ในเบื้องต้นนั้นประชาชนหรือใครใครสามารถกล่าวโทษได้ แต่จะร้องทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อเป็นเจ้าของทรัพย์ กรณีนี้ได้รับการยืนยันจากทางสำนักงานเขตดุสิตและกรมศิลปากรว่าไม่มีหน่วยงานใดเป็นเจ้าของหมุดดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรับการกล่าวโทษตั้งแต่แรก และก็ดำเนินการสืบสวนสอบสวนอยู่ ทั้งการตรวจสอบหน่วยงานราชการที่สันนิษฐานว่าจะเป็นเจ้าของหมุด ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาภาพผู้ที่เข้ามาทำการใดใดกับหมุดดังกล่าว ทุกอย่างดำเนินการอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจตั้งแต่แรก ซึ่งทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก็สั่งการให้คลี่คลายเรื่องนี้ตามกฎหมาย ทั้งนี้คนที่มาอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์แล้วร้องทุกข์ว่าทรัพย์นั้นหายไป ต่อมาหากสืบสวนสอบสวนทราบว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ดังกล่าว ก็จะถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จได้ คดีลักษณะเช่นนี้เห็นบ่อยๆ กรณีมีการลักน้ำมันจากคอกน้ำมัน ตำรวจเห็นลูกจ้างลักน้ำมันจากคอก ดำเนินคดีเลย ต่อมาเจ้าของคอกน้ำมันไม่เอาเรื่อง บอกว่าถือว่าให้ส่วนต่าง ไม่สนใจเอาความไม่รับว่าตนเสียหาย แต่ตำรวจดำเนินคดีไปแล้ว เพราะเห็นความผิดเกิด ตำรวจถูกฟ้องกลับ กรณีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆยกมาเทียบกัน
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวด้วยว่า ขอเตือนกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว มารวมตัว ให้ดูสถานที่ที่เคลื่อนไหวด้วยว่า เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ หากละเมิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี และหากเข้าข่ายยุยงปลุกปั่นก่อให้เกิดความวุ่นวาย ทางฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง ก็จับตาดูอยู่ ถ้าหากพบว่ามีความพยายามยุยงปลุกปั่นทางทหารก็จะส่งมาให้ตำรวจดำเนินคดีต่อไป