วอนช่วยแม่บ้านเบาหวานใกล้ตาบอด ลูกชายป่วยกระดูกพรุน
วอนผู้ใจบุญช่วยแม่ป่วยเบาหวานใกล้ตาบอด ลูกชายวัย 19 ป่วยกระดูกพรุนตั้งแต่เกิด
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่57หมู่8บ้านสะคุ ต.หนองหัวคู อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หลังได้ทราบว่า มีเด็กหนุ่มป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน ฐานะทางบ้านยากจน พ่อทำงานรับจ้างทั่วไป ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ต้องไปขออาศัยอยู่ใต้ถุนบ้านญาติ แถมแม่ยังป่วยเป็นโรคเบาหวาน และโรคไตระยะที่4เบาหวานลุกลามถึงดวงตา จนดวงตาพล่ามัว จึงอยากวอนให้ผู้ใจบุญช่วยเหลือ
เมื่อไปถึงพบเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ใต้ถุนยกพื้นปูด้วยไม้สูงประมาณ50ซม. มีไม้ไผ่ขัดกั้นเป็นฝาบ้าน กั้นเป็นห้องนอนกว้าง2.5เมตร ยาว3เมตร มีตู้เสื้อผ้าและเสื้อผ้าแขวนอยู่หน้าห้อง และถังน้ำวางเรียงรายอยู่บนพื้น บริเวณหน้าบ้านขึงด้วยแสลนสีเขียวกั้นแดด บริเวณหน้าห้องนอนมีเตียงแคร่ไม้ไผ่ปูด้วยเสื่อนายมงคล คันทะริน อายุ59ปี นางสาคร แสนบุญ อายุ46ปี นั่งดูแลและพูดคุยกับนายณัฐพล คันทะริน หรือน้องเบียร์ อายุ19ปี ลูกชายซึ่งป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนมาตั้งแต่กำเนิด ทำให้มีรูปร่างแคะ แขนขาสั้นผิดรูป ศีรษะโตยาว ยืนและเดินไม่ได้ ต้องนอนและนั่งอยู่บ้านตลอดเวลา
นางสาคร เล่าว่า พวกตนมีอาชีพรับจ้าง มีลูก3คน คนโตและคนเล็กเป็นผู้หญิงอายุ28และ18ปี แต่งงานมีครอบครัวไปอยู่กับสามี ส่วนนายณัฐพล หรือน้องเบียร์ เป็นลูกคนกลาง ขณะตั้งครรภ์น้องเบียร์ มีความผิดปกติคือน้องเบียร์ไม่ดิ้น หรือดิ้นน้อยมาก เมื่อคลอดออกมาพบว่าน้องเบียร์ศีรษะโต และนุ่มนิ่ม แพทย์แจ้งว่าน้องเบียร์มีภาวะกระดุกพรุน พิการมาตั้งแต่กำเนิด เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายไม่โตตามวัย แต่กลับแคะ นั่งหรือเดินไม่ได้ ต้องนอนตลอดเวลา และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตนจะต้องอุ้มน้องเบียร์ไปอาบน้ำ ป้อนข้าว ซึ่งนายมงคลเคยอุ้มน้องเบียร์แล้วลื่นหกล้ม ทำให้น้องเบียร์ตกกระแทกพื้นขาหัก และมีหลายครั้งที่แขนหักจนแขนผิดรูป
เมื่อหลายปีก่อนพวกตนย้ายครอบครัวไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ โดยสามีทำการก่อสร้าง และขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ได้วันละ100-300บาท ส่วนตนต้องดูแลน้องเบียร์อยู่ที่บ้าน ทำให้มีรายได้คนเดียว สุดท้ายเมื่อปี2557พวกตนได้ย้ายครอบครัวกลับมาอยู่ที่อุดรธานี แต่เพราะไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง น้องสาวสามีจึงให้อาศัยอยู่ใต้ถุนบ้านหลังนี้ พวกตนจึงยกพื้นไม้สูงจากพื้นดิน50ซม.เพราะเมื่อฝนตกน้ำจะท่วม และกั้นฝาห้องด้วยไม้ไผ่ขัด ซึ่งนายมงคลไปทำงานรับจ้างทั่วไป ส่วนตนและน้องเบียร์ไปขายลอตเตอรี่ที่อำเภอบ้านผือ
นางสาคร เล่าต่อว่า เสี่ยเจ้าของร้านขายรถมือสอง และยางรถยนต์ใน อ.บ้านผือ เคยให้เงินน้องเบียร์100บาท เนื่องจากน้องเบียร์ได้อวยพรให้เสี่ยถูกหวยรางวัลที่1และเสี่ยสัญญาว่าถ้าถูกหวยรางวัลที่1จริงๆ จะยกรถกระบะมือสองให้ ซึ่งเสี่ยคนดังกล่าวได้ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่1จำนวน42ล้านจริง และได้ให้รถปิกอัพมือสองตามสัญญา นายมงคลได้ขับไปเร่ขายแตงโมและผลไม้ตามฤดูกาล แต่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง นายมงคลไปเช่าทำนาเพื่อนบ้านเพื่อทำนา จะได้มีข้าวกิน แต่ได้จุดไฟเผาฟาง ไฟไหม้ลุกลามไปสวนปาล์มเสียหาย ต้องนำรถไปเข้าไฟแนนซ์เอาเงิน40,000บาทไปจ่ายค่าเสียหาย ซึ่งน้องเบียร์ได้เลิกขายลอตเตอรี่เพราะขาดทุนขายไม่หมด
นางสาคร เล่าต่อไปว่า ตอนนี้ ตนป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน และโรคไตระยะที่4เบาหวานขึ้นดวงตา ทำให้ดวงตาพร่ามัวใกล้บอด ลูกสาวคนโตได้นำลูกมาให้เลี้ยงอายุ4ขวบ และส่งเงินมาให้เดือนละ2,000-3,000บาท นายมงคลต้องทำงานคนเดียวเพื่อหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว และส่งหนี้ไฟแนนซ์ น้องเบียร์มีรายได้จากเบี้ยยังชีพคนพิการเดือนละ800บาท แต่น้องเบียร์เป็นคนอารมณ์ดี มักจะร้องเพล พูดคุยและเล่นกับหลานชายวัย4ขวบคลายเหงา บางครั้งก็ถูกหลานรังแกบ้างแต่ไม่ถือสาหลานเพราะเป็นเด็ก โดยจะชวนกันเล่นเฟซบุ๊กและดูหนังทางโซเซียล อีกทั้งน้องเบียร์เป็นคนช่างจดจำ แม้ไม่ได้เรียนหนังสือก็จะขอให้แม่สอนเขียนชื่อตัวเอง
”รู้สึกเป็นห่วงน้องเบียร์ หากพ่อแม่ต้องมีอันเป็นไปก่อน น้องเบียร์จะไม่มีบ้านอาศัยอยู่ ซึ่งอยากวอนผู้มีใจเมตตาช่วยบริจาคเงินไว้รักษาพยาบาลเวลาหกล้มแขนขาหัก หากมีจำนวนพอสร้างบ้านหลังเล็กๆ ให้น้องเบียร์ได้อาศัยก่อนพ่อแม่ตาย ก็จะหมดห่วงนอนตายตาหลับ ซึ่งผู้มีใจเมตตาสามารถบริจาคเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาบ้านผือ เลขที่บัญชี431-0-59367-4ชื่อบัญชี ด.ช.ณัฐพล คันทะริน”
หลังพูดคุยกันเสร็จ น้องเบียร์ได้ตั้งใจร้องเพลง“คำแพง”ซึ่งเป็นเพลงที่กำลังโด่งดัง และน้องเบียร์ได้เปิดฟังทุกวันจนร้องได้ ให้นักข่าวฟังด้วย