ตร.บุกค้น บ.ทัวร์ ต้องสงสัยนอมินีจีนโยงทัวร์ต้นทุนต่ำ
ตร.ท่องเที่ยวสนธิกำลัง กว่า 30 นายนำหมายค้นบ.ทัวร์เชียงใหม่ หลังทัวร์ต้นทุนต่ำขายทางเว็บไซต์ระบาด หวั่นเป็นนอมินีจีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ 13.00 น.วันนี้ (10 ตุลาคม 60 ) พ.ต.ต.พิษณุ เตรียมดี สารวัตรท่องเที่ยว กองกำกับการตำรวจท่องเที่ยว 2 เชียงใหม่ พร้อมทหาร ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจ สภ.เมือง เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงใหม่ กว่า 30 นาย นำหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่ เลขที่ 604/2560 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2560 เข้าตรวจค้นที่ บริษัท ซีเอ็ม พาราไดซ์ ทัวร์ จำกัด เลขที่ 11/9 ถนนศรีดอนชัย ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ของ น.ส.อัญชลี วิทยานันทพรกุล เป็นเจ้าของ และมีตำแหน่งเป็นรองประธานสภาฝ่ายต่างประเทศ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบริษัทที่ถูกระบุว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีมีการขายทัวร์จีนในราคาต้นทุนต่ำทางเว็บไซต์เถาเป่า ของประเทศจีน ตามที่ผู้ประกอบการทัวร์ในเชียงใหม่ส่วนใหญ่ได้เคลื่อนไหวไปแล้วก่อนหน้านี้
การตรวจค้นในวันนี้ทางด้าน น.ส.อัญชลี วิทยานันทพรกุล ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการนำตรวจสอบเอกสารต่างๆ ซึ่งพบว่ามีใบอนุญาตประกอบการท่องเที่ยว ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดเอกสารสำคัญอื่นๆใส่ในกล่องพลาสติกขนาดใหญ่เพื่อนำไปตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวจะได้เดินทางไปตรวจสอบที่ บริษัท ไทจิง หยังโจว จำกัด ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ของชาวจีน อยู่ย่านบ้านบวกครก ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ อีกแห่งหนึ่ง
ทางด้าน น.ส.อัญชลี วิทยานันทพรกุล เจ้าของ บริษัท ซีเอ็ม พาราไดซ์ ทัวร์ จำกัด กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบครั้งนี้จะได้มีการดูการทำงานที่มีมาตรฐานของบริษัท เพื่อที่จะสร้างความเชื่อถือ และความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมามาเที่ยวเชียงใหม่ อย่างน้อยต้องการพัฒนาเมืองท่องเที่ยวเชียงใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวมากขึ้น การตรวจสอบก็เพื่อแสดงความโปร่งใส ถ้าหากมีอะไรผิดก็พร้อมที่จะชี้แจงหรือแก้ไข ทั้งนี้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน หันหน้ามาคุยกัน เรื่องทุกอย่างก็จะลงเอยด้วยดี และขอปฎิเสธว่าทางบริษัทตนนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทัวร์จีนต่ำกว่าทุนแต่อย่างใด
พ.ต.ต.พิษณุ เปิดเผยว่า การตรวจสอบวันนี้ได้เก็บเอกสารหลายอย่างไว้ตรวจสอบ ส่วนเอกสารการทำธุรกิจรถเช่า ทั้งรถตู้สาธารณะ และส่วนบุคคล จะต้องตรวจสอบรถที่ร่วมให้บริการทุกคันว่าถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องจะเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.รบ.ขนส่งทางบก ซึ่งมีโทษปรับตามกฎหมาย