น้องซีจีขอ 'ให้ลุงตู่เป็นนายกไปนานๆ' นายกฯแนะรักมีสติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย นำคณะศิลปินดารา อาทิ ตั๊กแตน ชลลดา เข้าพบเพื่อจัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันเอดส์โลก จากนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำคณะศิลปินดารานักแสดง อาทิ นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี , มะนาว ศรศิลป์ มณีวรรณ์ และ ด.ช.ณัฐภาคย์ แย้มพรายภิรมย์ หรือน้องซีจี เข้าติดเข็มกลัดริบบิ้นสีขาว เพื่อร่วมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กสตรีและบุคคลในครอบครัว

โดย พล.อ.ประยุทธ์ เขียนข้อความเพื่อร่วมรณรงค์ว่า "สังคมไทยและความรุนแรง มีสติ รักคนอื่นมากกว่ารักตัวเอง สังคมจะปลอดภัยทั้งผู้หญิงและเด็ก ครอบครัวต้องช่วยกันดูแล ด้วยรักและห่วยใยเสมอ"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกฝ่ายจะต้องช่วยเหลือร่วมมือกัน เพราะประเทศเรามีปัญหามากมาย คงจะแก้คนเดียวไม่ได้ ขณะเดียวกันสื่อมวลชนก็ต้องช่วยเหลือดูแล โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย จะต้องดูว่าจะนำเสนออะไร ต้องช่วยกันรณรงค์สร้างสรรค์สังคมให้ปลอดภัย ขอให้ทุกคนช่วยกันทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เชิญ "ตั๊กแตน ชลดา" มาร้องเพลง "ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้" ก่อนกล่าวว่า "ทุกคนต้องช่วยกันทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศของเรา เพราะคสช.ทำคนเดียวไม่ได้ เรากำลังเริ่มต้นทำการปฏิรูป วันหน้าพวกท่านก็ต้องมาทำ โดยทุกคนต้องมีส่วนร่วม อย่าไปกังวลกับคสช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนั้นน้องซีจีได้บอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า "ให้ลุงตู่เป็นนายกไปนานๆนะครับ" ซึ่งทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ชอบใจ จนถึงกับกอดแล้วอุ้มน้องซีจีขึ้นมา โดยน้องซีจี ได้หอมแก้มลุงตู่หลายครั้งตามเสียงเชียร์ ก่อนที่ลุงตู่จะขอให้ "ตั๊กแตน" โชว์ร้องเพลงใหม่ "ลำซิ่งสายโสด"

จากนั้น พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาธร รมว.สาธารณสุข นำคณะเข้าพบนายกฯ เพื่อจัดแสดงนิทรรศการ การขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย

โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่ต้องทำให้สังคมเข้าใจว่าอะไรคือยาต้านจุลชีพ ซึ่งพูดกันไปมาจนไม่รู้ว่าอะไรคือยาต้านจุลชีพ อันตรายอย่างไร ยาปฏิชีวนะวันนี้มีการใช้กันอย่างมโหฬาร เพราะทุกคนซื้อได้ บางทีก็ใช้เกินไปโดยไม่จำเป็น ทำให้ร่างกายขาดภูมิคุ้มกัน และเราก็ได้ประกาศในเวทีสหประชาชาติและรัฐบาลก็ได้แถลงไปแล้ว เราจะเป็นประเทศที่สนับสนุนการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะช่วย 2 อย่างคือต้องไม่ทำให้สุขภาพแย่ลง และลดค่าใช้จ่ายเรื่องการใช้ยา นี่คือวัตถุประสงค์ ซึ่งไม่ใช่มีแต่หัวข้อเรื่องแต่ไม่รู้ว่าอะไร แล้วปล่อยให้ข้าราชการทำไป ซึ่งมันไม่ใช่ สิ่งเหล่านี้คืออนาคตของคนไทย คือการเรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้องว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะปลอดภัยมากกว่าที่จะไปรักษาที่หลัง ซึ่งในส่วนของ องค์การอาหารและยา (อย.) ก็ได้ทำร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข พวกเราเองจงระมัดระวัง อย่ากินยาเกินเพราะอันตรายมาก ตนจะขอขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้ต่อไป

จากนั้นนายกฯได้ร่วม "ปักหมุด...หยุดเชื้อดื้อยา" แสดงความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเชื้อดื้อยาจุลชีพ ตามแผนยุทธศาสตร์จัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. 2560-2564