'มท.1'แจงใช้งบอปท.กระตุ้นศก.ต้องขอความเห็นครม.ก่อน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีแนวคิดนำงบประมาณ 2 แสนล้านบาท ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มาจ้างงาน และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ว่า งบดังกล่าว แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยร้อยละ 25 เป็นงบสำรองของ อปท.ทั้งหมด ส่วนอีกร้อยละ 75 นำมาใช้ได้ ทั้งนี้เงินดังกล่าวมาจาก อปท. 7 พันกว่าแห่งทั่วประเทศ ในจำนวนนี้มี 2 พันกว่าแห่ง จะมีเพียงเงินสำรองสำหรับแก้ปัญหาเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้ได้ ขณะที่อีกประมาณ 5 พันแห่ง สามารถนำมาใช้ได้ในอัตราที่ไม่เท่ากัน โดยเงินจำนวนดังกล่าวต้องแบ่งสำรองไว้ใช้กรณีบรรเทาสาธารณภัย อีกส่วนหนึ่งก็กันไว้ สำหรับเบี้ยเลี้ยงคนชรา และผู้พิการ เป็นต้น ซึ่งจากการประมาณการแล้ว จะมีงบประมาณที่จะสามารถนำไปใช้ได้ มีประมาณ 150,000 ล้านบาท แต่การจะนำงบประมาณไปใช้ ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วย ว่าจะนำงบประมาณไปใช้อย่างไร อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีการใช้งบประมาณดังกล่าวมาช่วยเหลือประชาชน และพัฒนาประเทศในโอกาสต่าง ๆ โดยตลอดอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าขณะนี้มีการเร่งรัดให้อปท.เร่งใช้งบประมาณดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขอทำความเข้าใจว่าเราใช้งบนี้มาโดยตลอด เช่น ท้องถิ่นใดทำโครงการแล้วเงินไม่พอรัฐบาลก็จะเติมให้ แต่ก็ต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ อย่างเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาถ้าจำไม่ผิด ทั้งหมดใช้ไป 2 พันกว่าล้าน สรุปแล้วมีการใช้เป็นระยะไป แต่จะเปิดประตูให้ใช้เงินได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าสร้างแล้วเกิดประโยชน์กับท้องถิ่นก็จะเปิด แต่ก็ต้องเป็นนโยบาย ไม่ใช่นำเงินมาใช้ให้หมด

ส่วนกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้ามาตรวจสอบเรื่องการขุดทรายริมแม่น้ำโขงว่า ที่สตง.ทักท้วงคือการไม่ทำตามที่ขออนุญาต มีการขุดทรายเกินพื้นที่จากที่ขอไว้ ดังนั้นผู้ที่รับผิดชอบต้องเข้าไปตรวจสอบ ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากพบว่ามีการขุดทรายเกินพื้นที่ที่ขออนุญาตไว้ก็ให้สั่งปิดแล้วแจ้งความดำเนินคดี

เมื่อถามว่ามีบริษัทที่ทำผิดเยอะหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า มีการขออนุญาตขุดทรายใน 2 พื้นที่ จำนวน 8 ราย ส่วนมีการทำผิดกี่รายนั้นยังไม่ได้ตรวจสอบ โดยตนเน้นย้ำไปว่า ถ้ามีการขุดเกินพื้นที่ที่ขออนุญาตก็ให้แจ้งความดำเนินคดี