'พาณิชย์' เผย 6 เดือนยอดร้านธงฟ้าแตะ 1.9 หมื่นล้าน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการสรุปยอดการซื้อขายสินค้าผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวโครงการเดือนต.ค.2560-27 มี.ค.2561 มีมูลค่าการซื้อขายรวม1.9หมื่นล้านบาท และมีจำนวนรายการสินค้าที่ซื้อขายกว่า 69 ล้านรายการ

โดยมีการใช้จ่ายผ่านบัตรสูงถึงเกือบ 3,000 ล้านบาท ผ่านร้านค้าจำนวนเกือบ 20,000 แห่งในระบบ โดยยอดใช้จ่ายต่อร้านเฉลี่ยเดือนละ 160,000 บาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง และมั่นใจว่ามาตรการนี้ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

ทั้งนี้กระทรวงจะเปิดร้านให้ได้ถึง 40,000 ร้านในปีนี้ ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ให้ช่วยเพิ่มจีดีพีได้อย่างน้อย 0.7% ซึ่งตนมั่นใจว่ายอดการซื้อขายน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะกำลังจะหารือกับผู้ผลิตให้จัดทำโปรโมชั่นนำสินค้าขายดีมาลดราคา เพื่อคืนกำไรให้กับประชาชน รวมถึงการนำสินค้าชุมชนเข้าไปจำหน่ายในร้านค้า เพื่อเพิ่มทางเลือกในการซื้อให้กับประชาชน

ส่วนปัญหาการกระจุกตัวของการใช้จ่ายในบางอำเภอ ซึ่งอาจะเกิดจากการมีร้านไม่เพียงพอในเขตนั้น หรือมีร้านใหญ่มากที่ดึงลูกค้าไปจากร้านอื่นในละแวกเดียวกัน ซึ่งจะเร่งหาสาเหตุ ถ้าหากเกิดจากการมีร้านไม่เพียงพอ ก็จะเร่งให้เปิดร้านเพิ่มขึ้น และใช้รถธงฟ้าโมบายเข้าไปเสริมก่อนในระยะที่ร้านยังไม่พอ

“เชื่อว่าหลังจากผลักดันให้มีจำนวนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐครบ 4 หมื่นร้าน ซึ่งคาดว่าน่าจะภายในเดือนเม.ย.นี้ จะทำให้ปัญหากระจุกตัวหรือร้านค้าไม่เพียงพอหมดไปนอกจากนี้ในอนาคตเราได้วางแนวทางการพัฒนาร้านธงฟ้าประชารัฐบางส่วนให้สามารถซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ได้โดยเชื่อมกับโครงการเน็ตประชารัฐ 3,000 หมู่บ้าน” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายวิชัย โภชนกิจ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภายในวันที่ 25 เม.ย.2561 การติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ที่รับผิดชอบเพิ่มเติมอีก 1 หมื่นแห่ง น่าจะติดได้ครบทั้งหมด ส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองทุนหมู่บ้านอีก 1 หมื่นแห่งก็มีความคืบหน้าไปมาก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของร้านค้าที่กระทำความผิด กระทรวงฯ จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ทั้งการปลดออกจากการเข้าร่วมโครงการ และยึดคืนเครื่องรูดบัตร โดยล่าสุดได้ตรวจสอบพบอีกที่จ.มุกดาหาร และเชียงราย พบว่า มีการรวบรวมบัตรจากผู้ถือบัตร มีการจัดของขายรวมชุด และบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม และขายราคาสูงกว่าร้านอื่น ซึ่งได้เข้าไปจัดการแล้ว และหากประชาชนพบเห็น หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ให้ร้องเรียนเข้ามาได้ ทั้งผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ