"พล.อ.ประยุทธ์" เผยหลังหารือ "แจ็ค หม่า" พร้อมหนุนการค้า-การเกษตร คนมีรายได้น้อยของไทย ก่อนเซ็น MOU ปี 62 ร่วมมือส่งเสริมในหลายมิติ ยันไทยได้ประโยชน์ เล็งนำข้าวคุณภาพขายบนเว็บฯ "อาลีบาบา"
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.61 เวลา 11.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายแจ็ค หม่า ผู้บริหารอาลีบาบา เข้าพบเพื่อหารือ ว่า ในการพูดคุยกันครั้งนี้ ฝ่ายนายแจ็ค หม่า ระบุว่าจะเข้ามาสร้างคน สร้างระบบ อะไรต่างๆที่จะมาสนับสนุนเรารวมถึงเรื่องการค้า ซึ่งตนได้บอกกับเขาว่ารัฐบาลไทยต้องการให้เขามาช่วยดูแลผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร อีกทั้งเขาจะช่วยดูแลรูปแบบของเขาและมีระบบการนำเข้าสินค้าให้สอดคล้องกับระบบ 4.0 นอกจากนี้ การพูดคุยหารือกันครั้งนี้เป็นการมาทำความตกลงร่วมกันและสัญญาว่าภายในปี 2562 จะต้องทำอะไรให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย โดยในวันนี้ได้มีการลงนามร่วมในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างกันที่จะส่งเสริมเรื่องต่างๆ อาทิ การท่องเที่ยว เศรษฐกิจดิจิตอล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งไม่ใช่เพียงเป็นเรื่องที่เราจะเอาของไปขายกับเขาเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องสร้างระบบและคนของเราเข้าไป เป็นการทำคู่ขนานด้วยกัน ซึ่งเป็นเรื่องระยะยาว และเขาจะมีการลงทุนในเรื่องเมืองอัจฉริยะ (สมาร์ท ซิตี้) และโครงการศูนย์สมาร์ท ดิจิตอล ฮับ ในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งมันจะเชื่อมโยงกันทั้งหมด ตนขอให้เขาช่วยดูเรื่องของสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน การทำเกษตรแปลงใหญ่ ภาพที่นายแจ๊ค หม่า พูดถึงระบบโลจิสติกส์ในการขนส่งสินค้าเกษตรไปได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเขาพร้อมให้บริการดังกล่าวในการขนส่งสินค้าเกษตรของไทย เรื่องนี้จึงถือเป็นผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ อย่าไปคิดว่าไทยจะเสียเปรียบอะไร
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ฝ่ายของนายแจ็ค หม่า ระบุว่าไม่ได้มุ่งหวังเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะเขามีเพียงพอแล้ว ถึงมุ่งหวังที่จะมาช่วยผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อย ต้องช่วยคนที่แข่งขันไม่ได้ให้มีความสามารถมากขึ้น รายการเข้ามาสู่การค้าทางออนไลน์ อีกทั้งต้องการมาช่วยประเทศไทยและประเทศอื่นๆในอาเซียน ซึ่งไทยมีนโยบายทยแลนด์บวกหนึ่ง เพราะประเทศในอาเซียน มีการผลิตสินค้าเกษตรเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนฝากให้เขาช่วยดูแลเรื่องการขายปาล์ม ข้าว และยางพาราของไทยซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งเขามีโรงเรียนสอนเรื่องธุรกิจ การค้าขายทางออนไลน์ (อี-คอมเมิร์ช) การพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งถือเป็นการใช้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่เขามามุ่งเอาผลประโยชน์ทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว ส่วนจะต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมดเท่าไหร่นั้น ก็เป็นเรื่องของค่าทำงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการ สำรับการที่ฝ่ายนายแจ็ค หม่า จะนำข้าวไทยไปขายนั้น เป็นการนำข้าวคุณภาพของไทยไปขาย บนเว็บไซต์ของเขาด้วย ส่วนจะนำไปขาย เป็นจำนวนเท่าไรในแต่ละปีนั้น คงจะมีการหารือเป็นขั้นตอนต่อไปในอนาคต