'ครม.สัญจร' บุรีรัมย์ 'เนวิน' ได้เต็มเปา 'ประยุทธ์' กลับบ้านมือเปล่า!
ท่ามกลางกระแส “ดูดส.ส.” ของคนใน “รัฐบาล” ที่หนาหูขึ้นทุกขณะ และทิศทางของแรงดูดล่าสุดกำลังมุ่งหน้าสู่ “พื้นที่อีสานใต้”
ปฏิเสธ ไม่ได้ว่า “บุรีรัมย์” เป็นเป้าหมายถัดไป ใครที่คิดจะดูด “ขุนพลภูมิใจไทย” ไปร่วมทัพ คนเดียวที่จะปล่อยไฟเขียวได้คือ “บิ๊กเน-เนวิน ชิดชอบ”
ดังนั้นต้องจับตา การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ หรือ ครม.สัญจร ที่เที่ยวนี้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)” หอบหิ้ว ครม. ไปประชุมกันที่ จ.บุรีรัมย์ ช่วง7-8 พ.ค.นี้ ภายใต้แคมเปญจ์ ว่า "นครชัยบุรินทร์"
ซึ่งการมาเยือนของ “บิ๊กตู่” รอบนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า “บิ๊กเน” จะได้หลายเด้ง สมใจ และสานฝัน ดัน “บุรีรัมย์” เป็น “สปอร์ตซิตี้” ได้จริง
เด้งแรกที่จะได้ใจไปเต็มๆ คือ งบพัฒนา กว่า 20,000 ล้านบาทเพื่อใช้ใน 5 เรื่องพื้นที่จังหวัดอีสานใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ “อนุสรณ์ แก้วกังวาล” เปิดเผยทาง “กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์” ได้แก่ จ. นครราชสีมา จ.ชัยภูมิ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ จะของบพัฒนากลุ่มจังหวัด เน้น 5 เรื่อง คือ 1.โครงการน้ำเพื่อการเกษตร การป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้ง, 2.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ระบบระบายน้ำในเมืองใหญ่ การขยายสนามบินบุรีรัมย์, 3.การค้าขายชายแดน และการท่องเที่ยว, 4.การพัฒนาคุณภาพชีวิต และ 5.การดูแลด้านสาธารณสุขขนาดใหญ่ ผ่านการตั้งศูนย์การแพทย์ ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาระดับโลก ที่จะเกิดขึ้นในบุรีรัมย์ รวมถึงศูนย์ดูแลผู้ป่วยในพื้นที่อีสานใต้
โดยเม็ดเงินทั้งหมดประมาณ 20,000 ล้านบาทนั้น จะโฟกัสที่ จ.บุรีรัมย์ เพราะพื้นที่นครราชสีมาและ ชัยภูมิ มีโครงการพัฒนาพื้นที่ไปแล้วจากการประชุม ครม.สัญจรรอบที่ผ่านมา
เด้งถัดมา คือ โครงการขยายสนามบินบุรีรัมย์ เพื่อพัฒนาพื้นที่ ไว้รองรับการหลั่งใหลของประชาชน ที่จะเข้าชมการแข่งขันโมโตจีพี ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่น แนล เซอร์กิต ที่ ครม. อนุมัติให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน 3 ปี ตั้งแต่ ปี 2018-2020 ไปก่อนหน้านี้ และ เด้งต่อมา เมื่อ “เนวิน” ฝันถึง “สปอร์ตซิตี้” การขอจัดตั้งศูนย์การแพทย์ ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อรองรับการแข่งขันระดับโลก และการท่องเที่ยวเชิงกีฬา จึงถูกผลัดดันตามมา
โดยแผนทั้งหมดได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว รอ ชง “ครม.” ไฟเขียว ซึ่งไม่น่าจะมีอะไรผิดไปจากนี้ ทุกอย่างจะจบลงด้วยความแฮ๊ปปี้เอ็นดิ้งของคนบุรีรัมย์ โดยเฉพาะ “เนวิน”
แต่หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ผลประโยชน์ที่คนบุรีรัมย์จะได้รับ จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ “รัฐบาล คสช.” หรือ เกี่ยวกับเกมดูด ส.ส.ภูมิใจไทย อย่างไร
เอาเข้าจริง เฉพาะเรื่อง แผนพัฒนาพื้นที่ อาจไม่ใช่แรงผลักที่แท้จริง ที่ “บิ๊กเน” จะคิดหันหัวเรือไปซบ “คสช.” แต่อาจเป็นข้อกังวลใจ ที่เกิดขึ้นกับหลังบ้าน “เนวิน ชิดชอบ” ก็เป็นได้
อย่าลืมว่า “ซ้อต่าย-กรุณา ชิดชอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์” ภรรยาของเนวิน ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ทุจริตเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อพาประชาชนร่วมชมและเชียร์ฟุตบอลทีม “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ส่อเป็นการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินโดยมิชอบ
ความคืบหน้าเรื่องนี้ "พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ กรรมการป.ป.ช." บอกว่า ยังไร้ข้อสรุป แม้ก่อนหน้านี้จะเคยบอกว่าคดีนี้ต้องจบให้ได้ภายในปี 60 โดยล่าสุดการพิจารณาข้อมูลต่างๆ เพื่อนำไปสู่การสรุปสำนวนในชั้นอนุกรรมการไต่สวน โดยขณะนี้เปิดเผยไม่ได้ว่า นางกรุณา ได้เข้าให้ถ้อยคำต่ออนุกรรมการไต่สวนแล้วหรือไม่
เรื่องนี้ จึงถูกหลายคนนำไปตั้งข้อสังเกตว่า “รัฐบาลคสช.” จะใช้เป็นเครื่องต่อรองกับ “ก๊วนเนวิน” และ “ภูมิใจไทย” เพื่อบีบให้มาเป็นฐานสนับสนุนทางการเมืองหลัง “เลือกตั้ง”หรือไม่ เพราะดูองคาพยพของ "กรรมการป.ป.ช." ที่ถูกตั้งขึ้นภายใต้ รัฐบาล คสช. และมีความใกล้ชิดกับ "พี่ใหญ่คสช." อาจใช้กลยุทธ์ที่ว่า "จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด" มาใช้ในเกมนี้หรือไม่?
ดังนั้น “เนวิน” คงต้องดีดลูกคิดอย่างหนัก ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ถึงจะวิน-วิน ทั้ง คดีของภรรยาสุดเลิฟ กับ เกมการเมือง
แต่ทว่าชื่อชั้นระดับ “เนวิน” ผู้ผ่านการเมืองมาอย่างโชกโชน ผู้ที่รอดพ้นขุมนรกตามที่เจ้าตัวเคยนิยามไว้ คงมีกลยุทธ์ปกป้องคนใกล้ตัวไม่ให้ต้องเจ็บช้ำ และคงไม่ยอมตกเป็นรองง่ายๆ ซึ่งเราอาจเห็นเงื่อนไขสุดเขี้ยว หากถูกบังคับให้ตอบรับเป็น “พันธมิตร” กับ “พรรคประชารัฐ” หรือพรรคใหม่ที่ตั้งขึ้นเพื่อหนุน “บิ๊กตู่” ควบเก้าอี้นายกฯ อีกสมัย
โดยนัยยหนึ่งที่อาจถูกส่งผ่าน คือ เครื่องมือและกลไกที่จะทำให้ “ส.ส.พรรคภูมิใจไทย” ได้จำนวนที่เกินเป้าหรือเพียงพอต่อการค้ำยันเสถียรภาพของรัฐบาลชุดหน้า
เมื่อรูปเกมการเมืองที่อาจจะออกมาได้หลายแนวทาง งานนี้ไม่อาจสรุปรวบรัดได้ แบบฟันธง
แต่ที่เห็นๆ ในการสัญจรอีสานใต้เที่ยวนี้ ของ “พล.อ.ประยุทธ์” และ "ครม." อาจกลับบ้านมือเปล่า???.