"วัฒนา"-ที่ปรึกษา พบอัยการแล้วนัดส่งฟ้องคดีศาลฎีกานักการเมืองวันนี้ ยันพร้อมสู้คดีไม่หนี ยังยิ้มได้บอกหวังได้ประกันรอเตะบอลเย็นนี้
ที่ห้องประชุม 501 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ "นายวัฒนา หรือไก่ เมืองสุข" อายุ 60 ปี อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยุครัฐบาลทักษิณ 2 และแกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย "นายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์" ที่ปรึกษากฎหมาย เดินทางมารายงานตัวต่อคณะทำงานอัยการคดีปราบปรามทุจริต 2 ตามที่นัดเพื่อส่งตัวพร้อมสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ฟ้องคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมีนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้ประสานพาตัวผู้ถูกกล่าวหาที่เดินทางมาถึงเข้าพบคณะทำงาน ซึ่งอัยการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหา 19 ราย มาพบเพื่อฟังคำสั่ง ขณะที่มีผู้ถูกกล่าวหา 9 ราย แจ้งจะเดินทางมาในวันนี้ โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามีผู้ถูกกล่าวหาทยอยเดินทางเข้ามา จนถึงเวลา 10.20 น. ยังเดินทางมาไม่ครบทั้ง 9 ราย
ขณะที่ นายวัฒนา หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า วันนี้มารายงานตัวกับอัยการตามที่นัดหมาย เมื่อพบแล้วจะพาไปที่ศาลฎีกาฯ เพื่อฟ้องคดี ตามขั้นตอนตนก็ต้องขอประกันตัว ส่วนจะต้องใช้หลักทรัพย์เท่าไหร่ไม่ทราบล่วงหน้า แต่ที่เคยขอประกันตัวในคดีเก่าๆ เคยโดนเรียก 2 ล้านบาท ส่วนการสู้คดีคาดว่ากว่าจะเริ่มสืบพยานคงไม่เร็วไปกว่าช่วงสิ้นปี ตนพร้อมอยู่แล้ว ประเด็นง่ายๆ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน คดีนี้เริ่มจากการรัฐประหาร เป็นเรื่องที่ถูกขู่มาก่อนจะโดนข้อหาอื่นๆ ปี 2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ก็ขู่ หลังจากนั้นก็ไปถูกชกที่สนามบอล ถูกอุ้มเข้าค่าย ถูกดำเนินคดีที่ศาลทหาร ถูกตั้งข้อหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ผิดปกติ ตนยินดีด้วยที่คดีมาถึง เพราะอยู่ที่ ป.ป.ช.นานเกินไปตั้ง 10 กว่าปี จะได้จบ ที่กวนๆ เพราะอยากบี้ให้มาซะที
เมื่อถามว่าท่าทีทางการเมืองที่เห็นต่างกับผู้มีอำนาจมาตลอด กังวลหรือไม่ว่าจะเป็นปัญหาในการสู้คดี นายวัฒนา กล่าวว่า แค่มีคดีเพิ่มขึ้นอีก 1 คดี ไม่ใช่แค่คดีเดียว เพิ่งได้รับการติดต่อจาก บก.ปอท.จะแจ้งข้อหาเพิ่ม ว่างเมื่อไหร่ก็ต้องไปรับทราบข้อหา ตนไม่มีอะไรที่ต้องกังวล กังวลอย่างเดียวคือไม่ได้สู้ในกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมชาติ เพราะอำนาจเผด็จการแทรกแซงไปทุกองค์กร เหลือกระบวนการสุดท้ายคือศาลที่เราต้องไปต่อสู้ ในชั้นต้นก่อนศาลถูกแทรกแซงหมด
“กระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นผมไม่เคยเชื่อตั้งนานแล้ว ตำรวจก็ถูกแทรกแซงได้ หรือคุณว่าแทรกแซงไม่ได้ล่ะ อัยการสูงสุดก็ถูกย้ายมาแล้ว ถูก ม.44 ย้ายเพราะไม่ตามใจ มันก็แทรกแซงไปหมดแล้ว ป.ป.ช.ก็ต่ออายุให้ทั้งที่มันขาดคุณสมบัติ แล้วจะให้ผมคิดอะไร” นายวัฒนา กล่าวตอบหลังถูกถามว่ามีความมั่นใจกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ และว่าตนยังเชื่อว่ายังมีที่พึ่งได้อยู่ ไม่มีตัวเลือก ก็ต้องไปสู้กันที่ศาล พร้อมยืนยันว่าหนีไม่ได้ ไม่ใช่คดีนี้คดีแรก โดนมาไม่รู้กี่คดีแล้ว ยกฟ้องมาหมด คดีนี้เป็นคดีสุดท้ายสำหรับคดีอาญานักการเมือง คดีที่ศาลทหาร คดีอาญาอื่นโดนแจ้งข้อหาอีกตั้งหลายคดี ไม่รู้จะหนีไปไหน
นายวัฒนา ยังกล่าวชี้แจงถึงการต่อสู้คดีนี้ว่า ที่กล่าวหาว่าออกทีโออาร์เอื้อประโยชน์หรือไม่ เขาบอกว่าบอร์ดกับผู้ว่าฯ ไม่ผิด ทำทุกอย่างถูกต้องมันก็ชัดในตัว ถ้ามันเอื้อประโยชน์แล้วคนทำไม่ผิดได้อย่างไร โครงการบ้านเอื้ออาทรเป็นโครงการที่ขายหมด ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ บ้านที่ประชาชนได้ไปหลังละกว่า 300,000 บาท ปัจจุบันขึ้นเป็น 700,000 -800,000 บาทแล้ว ประชาชนมีความต้องการ แต่มันเป็นเรื่องการเมืองที่ต้องทำลาย เพื่อรับรองการยึดอำนาจ ถ้ามีความเสียหายก็ต้องออกคำสั่งทางปกครองให้ตนชดใช้ แต่ไม่มี แสดงเจตนาจะฟ้องให้ได้ การเรียกรับผลประโยชน์อ้างว่าตนเรียกรับเงินต่อหน้าที่ประชุมผู้ประกอบการ ประชุมเป็นทางการใครจะบ้าไปเรียกอย่างนั้น คุณเชื่อหรือ คดีนี้เริ่มจากการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 คือมูลเหตุจูงใจทางการเมือง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการยึดอำนาจ ระหว่างการไต่สวนมีการจูงใจข่มขู่พยานตลอด เพื่อซัดทอดเอาเราให้ได้ พยานไหนร่วมมือก็กันเป็นพยาน พยานไหนไม่ร่วมมือก็เอาเป็นผู้ต้องหา การดำเนินคดีอย่างนี้มีความบริสุทธิ์หรือ
“ในชั้นศาลคงจะแสดงให้เห็นถึงความไม่ปกติของการดำเนินคดีตั้งแต่ในชั้น คตส.ก็มีการจูงใจข่มขู่พยาน มันเป็นความไม่ปกติ อย่างที่สองก็คือกระบวนการตั้งข้อกล่าวหาอย่างกระบวนการที่พยายามจะเอาเรา อ้างว่าทำสิ่งนี้ผิด อ้างว่าผมสั่งให้ออกทีโออาร์ที่ผิด แล้วคนที่ทำมันไม่ผิด แล้วผมจะไปผิดได้ยังไง ถ้าสิ่งที่ผมทำผิด คนที่รับไปปฏิบัติก็ต้องผิดด้วยถูกไหม แล้วทำไมทั้งหมดเหลือผมอยู่คนเดียว ปล่อยทุกคนหมด ถ้ามันไม่เป็นเรื่องทางการเมืองแล้วเป็นเรื่องของอะไร ก็แค่นั้นเอง ส่วนการสู้คดีในศาลก็ว่ากันที่พยานหลักฐาน คดีนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ง่ายๆ มีการเรียกตังค์ไหมเรียกยังไง เรียกต่อหน้าที่ประชุมคุณเชื่อหรือ ก็คนอยู่ในห้องที่ประชุมตั้งเยอะไม่มีใครได้ยิน มีพูดขึ้นมาคนเดียวคุณเชื่อหรือ แล้วคนที่พูดมาเพราะอะไร มันมีความชัดเจนในนั้นไม่ยาก ถึงเวลาสืบพยานกันคงสนุก” นายวัฒนา กล่าว
เมื่อถามถึงการยื่นประกันตัวในวันนี้ นายวัฒนา ระบุว่า ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ตนเสนอหลักประกันที่ 2 ล้านบาท ถ้าถูกเรียกวงเงินสูงมาก เตรียมไม่ทันก็คงไม่ได้ออก แต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา วันนี้คงจะได้ไปเตะบอลที่สนามทีโอทีตามนัด ทั้งนี้ นายวัฒนายังระบุด้วยว่าอยากจะไปให้กำลังใจกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่จะนัดชุมนุมใหญ่ครบรอบ 4 ปีรัฐประหาร วันที่ 22 พ.ค.นี้ด้วย แต่ต้องดูก่อนว่าถ้าไปชุมนุมแล้วทำให้พลังเขาอ่อนแอก็ไม่ไป หาว่าการเมืองไปหนุนหลัง แต่ความจริงตนหนุนอยู่แล้ว เชียร์ออกหน้าออกตาด้วย อยากได้อำนาจตัวเอง สิทธิเลือกตั้งคืน แต่คงไม่ขึ้นปราศรัย เพราะเดี๋ยวหาว่าการเมืองหนุนหลัง แค่นี้ยังหาว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงอยู่เบื้องหลัง
ขณะที่ "นายนรินทร์พงศ์" ที่ปรึกษากฎหมายนายวัฒนา กล่าวถึงเรื่องหลักทรัพย์ว่าในวันนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ทั้งหมด 5 ล้านบาท เบื้องต้นหากยื่นฟ้อง เราจะยื่นหลักทรัพย์เสนอศาลก่อน 2 ล้านบาท โดยเทียบเคียงจากคดีจัดซื้อรถเรือดับเพลิงของ กทม.ที่ นายวัฒนา เคยถูกฟ้องในมาตรา 157 ซึ่งขณะนั้นก็ได้ประกันตัวด้วยกลักทรัพย์ 2 ล้านบาท ส่วนคดีวันนี้เท่าที่ทราบนายวัฒนา ถูกกล่าวหา 2 ข้อหา ตามมตรา 148 ที่อัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต เเละ 157 ซึ่งเราก็ยังไม่ทราบว่า ศาลจะกำหนดมาตรฐานวงเงินประกันไว้ที่เท่าใด ดังนั้นก็จะยื่นเสนอศาลก่อน 2 ล้านบาท จากจำนวน 5 ล้านบาทที่เตรียมไว้ ซึ่งหากศาลจะตีราคาแระกันเพิ่มมากกว่า 5 ล้านบาทเหมือนคดีระบายข้าว จีทูจี ของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ก็คงจะต้องพยายาม หาหลักทรัพย์อื่นมาประกอบ