เวเนซุเอลาวิกฤติ-คนแห่ถือครองสินทรัพย์อื่น
ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อรุมเร้า นักวิเคราะห์คาดอัตราเงินเฟ้อเวเนซุเอลาทะยานถึง 1,000,000% ในปีนี้
ในขณะที่เวเนซุเอลาเตรียมนำธนบัตรแบบใหม่ที่มีการตัดเลขศูนย์ออก 5 ตัวเข้าสู่ระบบหมุนเวียนในตลาดตั้งแต่วันจันทร์ (20 ส.ค.)เป็นต้นไป บรรดานักวิเคราะห์เตือนว่ามาตรการนี้จะยิ่งทำให้วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศเลวร้ายกว่าเดิม
ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโรของเวเนซุเอลา กล่าวเมื่อวันศุกร์ (17 ส.ค.) ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็น “ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” เนื่องจากรัฐบาลพยายามหยุดยั้งสถานการณ์เงินเฟ้อรุนแรงซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของเวเนซุเอลาจะสูงถึง 1,000,000% ในปีนี้ เทียบกับอัตราเงินเฟ้อเมื่อเดือนก.ค. ซึ่งอยู่ที่ 82,700%
มาดูโรโทษว่า วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศเป็นผลจาก “แผนการ” ของฝ่ายค้านและมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ แต่ก็ยอมรับว่า รัฐบาลจะเรียนรู้ระหว่างที่ดำเนินการไปพร้อมกับการออกธนบัตรใหม่ แต่ความไม่แน่นอน ความไม่เชื่อมั่นและความกังขา ยังคงครอบงำเศรษฐกิจเวเนซุเอลา
ทั้งนี้ เวเนซุเอลา ซึ่งเป็นประเทศมีปริมาณน้ำมันดิบสำรองสูงที่สุดในโลก อยู่ในภาวะถดถอยเป็นปีที่ 4 ทั้งยังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนอาหารและยา เช่นเดียวกับบริการสาธารณะที่ล้มเหลว เช่น การคมนาคม พลังงานไฟฟ้า และน้ำ
การผลิตน้ำมันคิดเป็นสัดส่วน 96% ของรายได้ประเทศ แต่เพดานการผลิตในปัจจุบันแตะระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปีมาอยู่ที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันเทียบกับกำลังการผลิตน้ำมันดิบเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งสูงถึง 3.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
การขาดดุลการคลังของเวเนฯอยู่ที่เกือบ 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขณะที่ประเทศต้องดิ้นรนกับปัญหาหนี้ต่างประเทศ ซึ่งสูงถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวเวเนซุเอลาจำนวนมากเปลี่ยนไปถือครองทรัพย์สินอื่น หรือ สกุลเงินอื่น เช่น ดอลลาร์สหรัฐ หรือแม้แต่ บิทคอยน์และสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นจนถึงขั้น เศรษฐกิจหยุดชะงัก เกิดภาวะขาดแคลนสินค้า เพราะมีการกักตุนสินค้า