'ชาญชัย' สู้ต่อ อุทธรณ์ฟ้อง 'ทอท.-คิงเพาเวอร์'

'ชาญชัย' สู้ต่อ อุทธรณ์ฟ้อง 'ทอท.-คิงเพาเวอร์'

"ศาลอาญาคดีทุจริตฯ" ชี้ "ชาญชัย" อดีต สปท.ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ไม่มีอำนาจฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กล่าวหาเก็บรายได้ขายสินค้าเข้ารัฐไม่เต็มจำนวนเสียหาย 1.4 หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 19 ก.ย.61 จากกรณีที่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านกลไกในการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง เจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานไทย (ทอท.) จำกัด รวม 14 คน, เอกชนกลุ่มคิงเพาเวอร์ 3 บริษัท และกรรมการผู้มีอำนาจ ร่วมกันเป็นจำเลย ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นกรรมการหรือผู้บริหารไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบฯ และเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทกระทำการหรือไม่กระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ฯ ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

จากกรณีที่มีการตรวจสอบว่า จำเลยได้ร่วมกันกระทำผิดข้อสัญญาที่ก่อหรือเอื้อประโยชน์ให้เอกชนได้รับผลประโยชน์เกินกว่าที่สัญญาระบุไว้หรือไม่ ที่สัญญาระหว่าง ทอท.กับคิงเพาเวอร์ ให้เก็บรายได้เข้ารัฐ 15% จากยอดการขายสินค้าหรือบริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่คณะกรรมการฯ อนุมัติให้เก็บเพียง 3% ก่อให้เกิดความเสียหายกับรัฐมูลค่า 14,290,660,119 บาท

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา "ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง" ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งคดีดังกล่าวในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ที่โจทก์ยื่นฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อท.352/2560 ซึ่งศาลได้ไต่สวนพยานบุคคลและหลักฐานเอกสารที่โจทก์นำสืบ และที่ฝ่ายจำเลยเสนอให้ศาลเรียกมาไต่สวนแล้ว ศาลก็ได้พิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เห็นว่า การกระทำที่โจทก์กล่าวอ้างว่าเป็นความผิดตามฟ้องนั้น เกิดขึ้นก่อนที่โจทก์จะเข้าเป็นผู้มีชื่อถือหุ้นในบริษัทกลุ่มคิงเพาเวอร์ โจทก์จึงมิได้เป็นผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องฝ่ายจำเลยได้ จึงพิพากษายกฟ้อง ขณะที่ "นายชาญชัย" โจทก์ เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่าที่ศาลยกฟ้องชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เพราะศาลเห็นว่าตนไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยข้อเท็จจริงที่มีการกล่าวหาเกิดขึ้นในปี 2557 ส่วนตนเข้ามาซื้อหุ้นในปี 2558 จึงมองว่าตนไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งหลังจากนี้ตนก็จะยื่นอุทธรณ์ในประเด็นนี้ต่อไปว่าตนมีอำนาจฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับคดีนี้นายชาญชัย อดีตรองประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านกลไกในการปราบปรามการทุจริตฯ ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 5 ก.ค.60 ซึ่งตามชั้นตอนการดำเนินคดีในศาลอาญาคดีทุจริตฯ เมื่อยื่นฟ้องแล้วศาลจะตรวจคำฟ้องว่าสมบูรณ์หรือไม่เสียก่อน โดยคดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง มีคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องเมื่อวันที่ 12 ก.พ.61 ว่าให้รับคดีไว้ไต่สวนมูลฟ้อง จึงได้ทำการไต่สวนมูลฟ้องตั้งแต่เดือน พ.ค.61 ที่ผ่านมา กระทั่งไต่สวนพยานจนเสร็จสิ้น และมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องดังกล่าวเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์เท่านั้น โดยยังมิได้มีการพิจารณาว่าการกระทำของจำเลยนั้นเป็นความผิดหรือไม่

ซึ่งตามขั้นตอนการดำเนินคดีในศาลอาญาคดีทุจริตฯกลางนั้น จะเริ่มจากเมื่อยื่นฟ้องแล้วศาลจะตรวจความสมบูรณ์คำฟ้อง หากถูกต้องก็จะสั่งรับคดีไว้ไต่สวนมูลฟ้องว่าคดีมีมูลหรือไม่มีมูลกล่าวหา โดยชั้นไต่สวนมูลฟ้องจะมีการไต่สวนพยานที่โจทก์นำเสนอ และส่วนที่ฝ่ายจำเลยขอให้ศาลเรียกมาไต่สวนถ้าพบว่าคดีมีมูลศาลจะสั่งประทับฟ้องคดีก็จะเข้าสู่การพิจารณาเพื่อเปรียบเทียบพยานหลักฐานที่ 2 ฝ่ายนำมาสืบโต้แย้งกันแล้วมีคำพิพากษาว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดหรือไม่

อย่างไรก็ดี สำหรับกรณีพิพาทระหว่าง "นายชาญชัย" กับ "คิง เพาเวอร์" นั้น มีการฟ้องคดีอาญาหมิ่นประมาทฯ ต่อกันไว้ทั้งในศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้ด้วย นับ 10 สำนวน โดยก่อนหน้านี้ศาลสั่งประทับรับฟ้องคดีไว้แล้ว เนื่องจากเห็นว่าคดีมีมูล รวม 8 สำนวน